Monday 26 January 2015

No man is rich enouge to buy back his past/my illustration



“อืม จริง ๆ ฉันก็มีหลายเรื่องที่ฉันอยากบอกกับตัวฉันในอดีตนะ
เขานิ่งไปซักสามสี่ช่วงการหายใจ และตอบว่า
ฉันคงจะบอกเขาว่า อย่าเสียเวลากับเรื่องความรักมากเกินไป
ชีวิตนี้มีอะไรน่าจะทำมากกว่าความรัก ความรัก ชีวิตคู่พวกนี้
ควรจะทำให้มันเรียบง่าย แล้วเธอจะได้มีเวลาไปทำเรื่องอื่นในชีวิต "

: my illustration Volume Magazine Dec.14


 นี่เป็นภาพที่ชอบที่สุด ในการทำภาพประกอบที่เดินทางมาถึงเล่มที่ 7
เป็นเล่มที่รู้สึกเป็นตัวเองที่สุด เป็นตอนที่คิดได้ว่า
เราไม่ต้องเกร็งที่จะต้องเล่า ตีความทุกอย่างตามท้องเรื่อ
ใส่เพียง keyword ของภาพที่อยากบอก
ใส่ความสวยที่เด้งเข้าตา ใส่ความเป็นตัวเอง
ข้าพเจ้าคิดถึง ความรักของนกพิราบข้างบ้าน
มันอึ๊บกันทั้งวันอย่างง่าย
ท้องฟ้าสีดำ เหล่าดวงดาว ที่หมายถึงอดีต
ดวงดาวของค่ำคืน มันเป็นอดีตไปแล้วกว่าเราจะมองเห็น
ด้วยระยะห่างหลายปีแสง

: my illustration

HAND WRITTEN art exhibition














ตอนที่เห็นรูปที่น้ำส้มแชร์ไว้ใน group ในวันเปิดงาน
ผู้ชายเคราคนหนึ่ง กำลังจับจ้องไปที่ภาพ เจ้าชายน้อย ของข้าพเจ้า
เห็นรูปบรรยกาศในงาน เห็นรูปน้ำส้มกำลังพูด น่าจะเกี่ยวกับการทำงาน
ก็ให้รู้สึกไปถึงตัวละคร ฟินน์ (อีธาน ฮอว์ก) ในเรื่อง Great Expectations
อารมณ์ในวันเปิดนิทรรศการภาพเขียนของเขา...ดีเหมือนกันที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
เพราะไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไป
...
ขอบคุณน้ำส้มที่ชักชวน และจับพี่อ๋ายเหมารวมไปกับ นักทำภาพประกอบ
อ่าน profile ของแต่ละคน พี่อ๋ายก็อ่อนด้อยนัก (พี่อ๋ายฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะน้อง ๆ : )
ตอนนั้นถ้าปล่อยให้ตัวเองคิดต่ออีกนิดเดียว ก็เกือบจะขอถอนตัว
เพราะคาดว่าทำงานไม่ทัน...ทั้งที่มีเวลาก่อนหน้าตั้งหลายเดือนกว่าจะถึง deadline
ซึ่งก็ทำไม่ทันจริง ๆ ดีที่คุณหมอนิล เอานิสัยเออีมาใช้ คือให้ Timing หลอก (ฮา)
และเราก็เอานิสัย creative มาใช้ คือ หลุด deadline...แต่ในที่สุดมันก็ผ่านไปด้วยดี

: ขอบคุณภาพตัวงาน จากกัญ นักเรียนปักรุ่น 1 ที่ joyrukclub/
กัญอยู่ภูเก็ต แวะไปดูงานและถ่ายรูปมาฝาก /และภาพบางส่วนจากน้ำส้ม

...
HAND WRITTEN art exhibition
Hand-Written นิทรรศการศิลปะเล็กๆของนักทำงานภาพประกอบทั้ง 6 คนที่เลือกใช้ มือ เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างสรรค์ ผลงาน “มือ” ทั้งสองข้าง ที่ขีดเขียน วาด ปะ แปะ เย็บ ปัก ถักทอ ตัดกระดาษ มาจนชำนิชำนาญ “มือ” ทั้งสองข้าง กับวิธีการและวัสดุที่ตัวเองสนใจ

จากผลงานของ Antoine de Saint-Exupéry ที่เป็นเหมือนด้ายเส้นเล็กๆที่เชื่อมร้อยผลงานของทั้ง 6 ศิลปินเข้าไว้ด้วยกัน จากปลายปากกาของนักเขียน สู่สายตาของนักวาดภาพประกอบ ผ่านความคิด ผ่านมุมมองชีวิตที่แตกต่างกันไป และแน่นอน ผ่านมือ ผ่านสัมผัสของแต่ละคน จนกลายเป็นคำบอกเล่าใหม่ ในร้านหนังสือเล็กๆ ที่จะค่อยๆเล่าเรื่องราวเหล่านั้นให้กับผู้ชมได้ฟังผ่านภาษาของตัวเอง

ศิลปิน
กนกนุช ศิลปวิศวกุล
นพเก้า เนตรบุตร
น้ำส้ม สุภานันท์
เบญจรัตน์ เอี่ยมรัตน์
บัว สมิต
ยอดฉัตร บุพศิริ

นิทรรศการจัดแสดงวันที่ 12 ธันวาคม 2557 - 12 มกราคม 2558 ที่ Bookhemian Space

ชั้น 2 ร้านหนัง(สือ) เลขที่ 61 ถนนถลาง ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง ภูเก็ต โทร 098 090 0657 www.bookhemian.com เวลา 09.00 น - 19.00 น
และ วันที่ 15 มกราคม -28 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ Nid ja silp Gallery
143/185 Boat Plaza ตำบลรัษฏา เมือง ภูเก็ต โทร 094 258 5599
www.nitjasilpphuket.com เวลา 09.00 น - 17.00 น

งานเปิดวันที่ 12 ธันวาคม 2558 เวลา 19.00 เป็นต้นไป

เจ้าชายน้อย /Handwritten



ที่ดาวโลกนี้เอง
เจ้าชายน้อยได้พบกับสุนัขจิ้งจอกในทะเลทราย
เขาจึงตระหนักว่า
แท้จริงแล้วความจริงแห่งชีวิตนั้นคือ
ชีวิตต้องการความรัก
และความรักนั้นก็เป็นเรื่องของหัวใจ
เป็นเรื่องของความรู้สึกรับผิดชอบ
ต่อสิ่งที่ตนรักนั่นเอง

เราต้องรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่เรามีความสัมพันธ์ด้วย
ไม่ว่าด้วยรูปแบบการครอบครองหรือไม่ก็ตาม
นั่นแหละ ความรัก
...

สัมผัสได้
รับรู้ด้วยใจ
ไม่ต้องมองเห็นด้วยตา
และไม่ต้องคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญ
...
รักเพียงรัก รักไปมิต้องตอบ
ชอบเพียงชอบ ชอบไปมิต้องถาม
ผีเสื้อเป็นผีเสื้อโบยบินตามต้องการ
ดอกไม้งามเป็นดอกไม้อย่างหมายที่เป็น

: ส่วนหนึ่งของงาน ตอนที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ด้านบนเป็นเทคนิคการเกี่ยว
ที่ได้ไอเดียจากตอนไปเรียน ทำตาข่ายดอกไม้




.............



เสร็จสิ้นภาระกิจอันแสนเหน็ดเหนื่อยของนางอัปสรา
ที่ต้องแขวนดาวเป็นล้านดวง ประดับประดาให้เจ้าชายน้อย
ทำชิ้นนี้เสร็จ...บอกเลยว่าเสพติดงานถึก..ทำแล้วถึงจุดมาก
ถ้ามีโอกาส อยากจะทำงานถึก ๆ กว่านี้อีก..ขอเพียงมีเวลา
ระหว่างทำงานชิ้นนี้...พอออกไปมองอะไรข้างนอก จะสูญสิ้นโฟกัส
ในการมองระยะไกลใกล้ ต้องพักสายตาไปหนึ่งวันถึงจะหาย

งาน exhibition ร่วม ของสาว ๆ 6 นาง Handmade ในรูปแบบต่าง ๆ
เรื่องราวจากหนังสือของ Antoine de Saint-Exupéry
วาด ปะ แปะ เย็บ ปัก ตัดกระดาษ อย่างที่แต่ละคนถนัด
ที่ร้านหนัง(สือ) bookhemian ของคุณหมอนิล
เลขที่ 61 ถนนถลาง ตำบลตลาดใหญ่ เมือง ภูเก็ต

: ขอบคุณ ที่คุณเขาพาไปใส่กรอบ และเลี้ยงข้าวกลางวัน
ประทับใจร้านใส่กรอบร้านนี้ มีแบบให้เลือกมาก มีระบบ
พนักงานอัธยาศัยดี ราคาย่อมเยา ทิ้งงานไว้ 2 ชม. แล้วรอรับกลับได้เลย

แม้ว่าตอนไปรับ พนักงานจะใส่รูปผิดด้านรูปหนึ่ง
ก็ยิ่งเกิดความประทับใจ ถือเป็นการกล่าวชม
ว่างานเราเนี้ยบจนไม่สามารถแยกแยะด้านหน้าด้านหลังได้ (ฮา)
หรืออีกที ก็เป็นแผนซ้อนแผน เป็นมาร์เก็ตติ้งอย่างหนึ่ง
(ตามสายตาของคนทำงานโฆษณามาก่อน...นี่ก็ระแวงไปเรื่อย)

ใครมีงานต้องใส่กรอบ แนะนำนะคะ
ร้านอยู่ในซอยติดกับ The mall ราม
http://www.bangkokframe.com/


...




"เพื่อนที่ดีที่สุดคือความโดดเดี่ยว
– หมาจิ้งจอกคิดได้เช่นนี้ในค่ำวันหนึ่ง
หลังจากพระอาทิตย์ตกครั้งแล้วครั้งเล่า
บนดวงดาวบีหกหนึ่งสองที่มันเดินทางมาจนถึง
ดวงดาวที่ไม่มีเด็กชายหรือดอกกุหลาบหรือแม้แต่แกะ
หลายปีเนิ่นนานหลังจากมันได้พบกับเด็กชายตอนบ่ายสามโมง

ซึ่งสอนให้มันรู้จักมิตรภาพ
มิตรภาพซึ่งจะมีคุณค่าความหมายที่สุด
เมื่อไม่เหลืออีกคนอยู่แล้ว"

: Wiwat Filmsick Lertwiwatwongsa

#Handwritten /Bo(ok)hemian arthouse ร้านหนัง(สือ)๒๕๒๑

: ที่จริงปักรูปนี้ quote คือ "สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา"
แต่มาอ่านเจอประโยค ที่คุณ Wiwat comment ไว้ใน status ของคุณหมอนิล มันใช่มากกว่า
ขอบคุณแรงด
ึงดูดอีกครั้ง

...



สำหรับคนรัก”เจ้าชายน้อย” อยากให้อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้
เป็นการเขียน จากชีวิตที่ตกผลึกแล้วผ่านการอ่านเรื่องเจ้าชายน้อย
ของคุณ วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา หรือ FILMSICK
อีกหนึ่งนักเขียนในดวงใจ เจ้าของสำบัดสำนวนระทวยสวยงาม
อ่านแล้วจวนเจียนจะขาดใจเสมอมา

คือวาระนี้มันดีงามมาก
ตามที่เคยเล่าไว้ว่า กำลังจะมี Exhibition “Handwritten”
ที่ร้านหนังสือ Bo(ok)hemian arthouse ร้านหนัง(สือ)๒๕๒๑ ที่ภูเก็ต
exhibition ร่วม ของสาว 6 นาง วาด ปะ แปะ เย็บ ปัก ตัดกระดาษ
เรื่องราวจากหนังสือของ Antoine de Saint-Exupéry
มันเป็น 2 สิ่งที่ข้าพเจ้ารัก ได้มาหลอมรวมเป็นสิ่งเดียว
(ขอบคุณน้ำส้มเป็นอย่างยิ่งที่ชวน)

เรื่องนี้มันก็ดีอยู่แล้ว แต่มันดันดีมากขึ้นไปอีก
เมื่อคุณหมอนิล ชวนนักเขียนในดวงใจของข้าพเจ้ามาร่วมเขียนเรื่องแสดงด้วย
และมันดีทวีคูณเพิ่มไปอีก
เมื่อเรื่องที่คุณวิวัฒน์เขียน มันช่างมาประกอบเข้ากับภาพของข้าพเจ้าเป็นดิบดี
อย่างกับทำมาเพื่อกันและกัน ...ทั้งที่มาคนละทาง
เมื่อเราคิดว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทุกวัน เป็นสิ่งอัศจรรย์
สิ่งอัศจรรย์ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

โค๊ตเดิมที่ข้าพเจ้าตั้งโจทย์ไว้ว่า “สิ่งสวยงามไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา”
มันตื้นเขินไร้เดียงสาไปเลย เมื่อเจอการตีความใหม่ของคุณวิวัฒน์เข้า
ขออนุญาตที่จะจับมันมาคู่กันค่ะ

...
วิวัฒน์เลิศฯ

-เพื่อนที่ดีที่สุดคือความโดดเดี่ยว– หมาจิ้งจอกคิดได้เช่นนี้ในยามเย็นวันหนึ่งในหลายยามเย็นหลังจากพระอาทิตย์ตกครั้งแล้วครั้งเล่าบนดวงดาวบีหกหนึ่งสองที่มันเดินทางมาจนถึงดวงดาวที่ไม่มีเด็กชายหรือดอกกุหลาบหรือแม้แต่แกะ หลายปีเนิ่นนานหลังจากมันได้พบกับเด็กชายตอนบ่ายสามโมงเด็กชายซึ่งสอนให้มันรู้จักมิตรภาพ มิตรภาพซึ่งจะมีคุณค่าความหมายที่สุดเมื่อไม่เหลืออีกคนอยู่แล้ว

ไม่มีต้นไทรหรือภูเขาไฟบนดวงดาวเล็กจ้อยที่เวิ้งว้างตลอดเวลาของพระอาทิตย์ซึ่งขึ้นและตกซ้ำแล้วซ้ำอีก หมาจิ้งจอกมองหาดอกกุหลาบที่เพื่อนคนเดียวเคยเล่าให้ฟังอย่างน้อยการสนทนากับดอกกุหลาบเอาแต่ใจอาจทำให้นิรันดร์กาลแห่งสนธยาไม่โศกเศร้าเกินไปแต่ไม่มีดอกกุหลาบ ที่หลงเหลือก็เพียงครอบแก้วซึ่งแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจมอยู่ในทรายและบาดเท้าของมันโดยบังเอิญเลือดของมันและดวงดาวที่ถูกทอดทิ้งนั้นช่างเศร้าสร้อยอยู่ในแสงสีส้ม ไม่มีกระทั่งบ่ายสามโมง มีแต่วันและคืนที่หดสั้นหมาจิ้งจอกคิดเศร้าๆว่ามันน่าเศร้าเพียงใดที่ต้องเติบโตมาในดวงดาวเช่นนี้เริ่มต้นสนทนากับดอกกุหลาบ หรือสิ่งไร้ชีวิตอื่นๆหลงละเมอเรียกการคิดเอาเองข้างเดียวว่ามิตรภาพ

สิ่งต่างๆก็เป็นเช่นนั้นงดงามที่สุดเมื่อมันจบสิ้นลงแล้ว เมื่อใครบางคนไปจากเราเมื่อคนที่ยังไม่ทันจะยิ่งใหญ่ได้ตายลงเสียก่อน การสะดุดหยุดลงของสิ่งหนึ่งและการเคลื่อนไปข้างหน้าของเวลาว่างเปล่าหลังจากนั้นได้ขัดถูสิ่งซึ่งสะดุดหยุดลงให้เรื่อเรืองขึ้น แสงสนธยาไม่สุดสิ้นคือภาพแทนที่มันนึกออกเด็กชายคนนั้นไม่ได้เป็นคนวิเศษอะไรนอกจากเด็กที่หลบหนีจากความสัมพันธ์หนึ่งไปสู่ความสัมพันธ์อื่นมองเห็นสิ่งที่ดวงตาไม่อาจมอง แต่ไม่อาจเห็นสิ่งซึ่งเขาไม่ปรารถนาจะเห็น

การสำรวจดวงดาวสะดุดหยุดลงเพราะหมาจิ้งจอกปวดแผลที่เท้าซึ่งโดนเศษจากครอบแก้วบาดเท้ามันหม่อจ้องพระอาทิคตย์ตกข้างหลังภูเขาไฟที่มอดดับไปแล้ว คิดถึงเด็กชายอีกครั้งความคิดถึงเป็นดอกผลชนิดเดียวที่มิตรภาพมอบให้ มันคิดขณะกลิ้งตัวไปบนเนินทรายพยายามยกขาหน้าที่บาดเจ็บให้พ้นจากพื้น คิดว่าถ้ามันกับเด็กชายยังคงอยู่ด้วยกันมันจะกัดกินเด็กชายเพื่อประทังความหิวในตลอดฤดูหนาวหรือเปล่าหรือเด็กชายจะค้นพบว่าที่แท้มันเป็นเพียงสัตว์ป่าที่เอาแน่นอนไม่ได้ เด็กชายจะกลัวและจะหนีไปจากมัน

งูเลื้อยอยู่บนพื้นทรายมันกลืนกินหมาจิ้งจอกตอนหลับ เมื่อเด็กชายเดินทางมาถึง เขาวาดภาพมันและบอกทุกคนว่ามีช้างอยู่ภายใน ไม่ใช่หมาจิ้งจอกบาดเจ็บที่กำลังหลับสนิท หมาจิ้งจอกที่เขาลืมไปแล้ว
 

Basic Royal Thai Floral Art/Day 4 (30Nov.14)






Basic Royal Thai Floral Art/Day 4 (30Nov.14)
บทเรียนวันที่ 4 ตาข่ายเครื่องแขวน
ขอให้มีเข็มกับด้าย แล้วองค์จะประทับทรงเข้าร่า
แม้จะไม่มีการเย็บปักใด ๆ ใช้ร้อย เกี่ยวกระตุกผูกเงื่อนเป็นหลัก
ก็ยังถือเป็นทางอ้อม ๆ ให้ดิฉันดำเนินอย่างมีความสุขเงียบ ๆ
ที่แท้แล้วไม่เงียบ ครูเปิดเพลงแขกเบา ๆ ลอย ๆ เศร้า ๆ ให้ฟัง
ช่างเป็นปัจจุบันขณะที่สมบูรณ์แบบ แบบนี้ เฉพาะตอนนี้เท่านั้น
วินาทีอื่นก็หาแบบนี้ไม่ได้ ที่องค์รวมทั้งหมดจะมาชุมนุมพร้อมกันแบบนี้
นี่แหละ ที่ครูพยายามสอดแทรกเรื่องปัจจุบันขณะผ่านงานดอกไม้
ฟังแรก ๆ อาจจะดูสวย ๆ ผ่าน ๆ แต่ฟังไปนาน ๆ เรื่อย ๆ ก็เริ่มพนักหน้าว่า ใช่
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทำไปเดี๋ยวดอกไม้ก็เหี่ยว แต่ก็ยังทำ นั่งประดิดประดอยอยู่กับมัน
เพื่อเสพเพียงปัจจุบันขณะ เมื่อบรรลุถึงปัจจุบันขณะได้จริง ๆ
ทุกสิ่งก็เบา ไร้กาลเวลา

กราบขอบพระคุณครูใหญ่ คุณสกุล อินทกุล ผู้แสนประเสริฐในทุก ๆ ด้านของดิฉัน

Basic Royal Thai Floral Art/Day 3 (29Nov.14)









Basic Royal Thai Floral Art/Day 3 (29Nov.14)
บทเรียนวันที่ 3 พานพุ่ม และบายศรีปากชาม
วันนี้เป็นวันอัปยสของดิฉันค่ะ...เสียใจที่ทำให้ตัวเองและครูใหญ่ผิดหวัง
พานพุ่มก็ว่าแย่แล้ว มาเจอบายศรียิ่งหมดอนาคต
ครูใหญ่บอกว่า วันนี้ไม่ใช่วันของคุณ คุณมันเป็นพวก ข่าว 2 มิติ
คือทำงาน 2 มิติได้ดี พอมาเจองาน 3 มิติแล้วแป้ก...ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ซึ่งมันคือความจริง เพราะตัวเองก็ถนัดทำงานแบน ๆ หน้าเดียว
พอต้องประกอบร่างสร้างอะไรขึ้นมาเป็นชิ้นเป็นแล้วก็มัก ง่อย เสมอมา
วันนี้บอกเลยว่าเรียนไปด้วยความเครียด อ่อนเพลีย หมดหวัง unhappy

สิ่งหนึ่งที่พอจะบอกได้ว่า เราจะทำงานนั้นออกมาได้ดีหรือเปล่า
คือ passion ที่อยากจะทำ มันไม่มีความตื่นเต้น ตื่นตัว
เหมือนตอนเห็นงาน นพรัตน์ดารา หรืองานเย็บแบบ ที่ตื่นเต้นมาก
ทำเสร็จก็คิดต่อยอดไปถึงอะไรหลายอย่าง มีความสุขที่จะทำ

แถมวันนี้ก็ถกเถียงกับครูใหญ่เรื่องการมีแพทเทิร์นในงานบายศรี
ครูใหญ่ใช้ความรู้สึก สัญชาตญาณ...แต่ดิฉันถามหาแพทเทิร์น
มีแพทเทิร์นแล้วจะรู้สึกปลอดภัย ครูบอกว่าให้หลุดจากแพทเทิร์นเสีย

ยิ่งมาเจอมาคุณเรน่าจัง ที่ชีลุยทำงานด้วยความปล่อยวาง ทำเสร็จเร็วเสมอ
ครูบอกนางว่า งานนางไม่ balance นางบอกว่า unbalance is balance
ความไม่สมดุลนี่แหละ คือสมดุล
ซึ่งนางก็มีบุคลิกแบบนั้นจริง ๆ ปล่อยวางสบาย ๆ แล้วสุดท้ายมันจะออกมาดีเอง

ขอบคุณครูใหญ่ที่ไม่ได้ละเลย บอกให้ดิฉันหาเวลากลับไปซ่อม ทำใหม่
ซึ่งถ้าเป็นดิฉันก็คงบอกนักเรียนคนนั้นว่า หล่อนทำไม่ได้ก็ช่างหัวหล่อ

....
ขอบคุณ บทเรียนสุดท้ายของวัน ที่ได้ถกกับครูเรื่องปัจจุบันขณะ
นิพพาน และการส่งพลัง แรงบันดาลใจในชีวิต
ทำให้ unhappy ของวัน กลับมา happy กับปัจจุบันขณะได้อีกครั้ง
ขอบคุณหลาย ๆ คำพูดดี ๆ ของครูใหญ่ ที่เดี๋ยวคงจะได้กล่าวถึงอีกที
ขอบคุณ white wine และก๋วยเตี๋ยวปลาแสนอร่อย
ขอบคุณอีกมื้อที่ครูใหญ่เลี้ยงค่ะ

Basic Royal Thai Floral Art/Day 2 (28Nov.14)







บทเรียนวันที่ 2 คือการเย็บแบบ และร้อยมาลัยเบื้องต้น
เย็บแบบคืออะไรคะ คือการผนึกใบตองเป็นโครงสร้าง
แล้วเอากลีบดอกไม้ต่าง ๆ เย็บลงไป ที่แล้วแต่จะคิดสร้างสรรค์
แบบวันนี้ เป็นการตัดครึ่งหนึ่งของกลีบดอกรัก มาวางเย็บรอบ ๆ เป็นวงนอก
แล้วเอากลีบเลี้ยงของดอกรัก ฉีกทีละกลีบมาเย็บปูเป็นวงในจนเต็ม
ติดดอกบานไม่รู้โรยไว้ตรงกลาง...ชีวิตสาวไทยสมัยโบราณไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ขอโทษที่มันเข้าทางดิฉัน ขอให้ได้เจอเข็มกับด้าย
และดิฉันก็ไม่กลัวความช้าอย่างน่าใจหาย ในสายตาของคนรีบเร่ง
ค่อย ๆ วาง ค่อยๆ เลือกกลีบ ค่อย ๆ เย็บ
เพลงก็เพราะ บรรยกาศก็ดี อยากจะหายใจช้า ๆ จนถึงไม่อยากจะหายใจ
โลกจะได้หยุดหมุน แต่ก็ขอบคุณที่โลกเหวี่ยงให้มาพลัดหลงอยู่ที่นี่

ภูมิใจนิดหน่อยที่ครูใหญ่หยิบของดิฉันให้คนอื่นดูแล้วบอกว่า ตัวอย่างที่ถูกต้อง
แล้วก็บอกว่า ก็ชีเป็นครูสอนปักผ้า
คือถ้าทำได้ห่วยคงถูกประนามแหลกเหลวเป็นแน่

เย็บแบบนี้ มีเอาไว้สำหรับปิดโป๊
เวลาต้องการซ่อนเร้นอะไรตรงไหนบางอย่าง

ช่วงบ่ายเป็นการร้อยมาลัย แล้วพาไปเดินปากคลองตลาด
จบอีกวันของโลกในความฝัน ที่เป็นความจริง

: ขอบคุณคุณครูใหญ่ คุณสกุล อินทกุล อีกวันค่ะ
ไม่อยากจะเขียนอะไรซึ้ง ๆ แระ
เขียนไปเมื่อวาน นางบอกว่า นางอยากจะร้องไห้

Basic Royal Thai Floral Art/Day 1(27Nov.14)







Basic Royal Thai Floral Art/Day 1(27Nov.14)
วันที่ไปเป็นเพื่อนคุณสกุลซื้อของที่สำเพ็ง เพื่อเตรียม workshop
คุณเขาก็ถามดิฉันว่าจะเรียนไหม จะให้เป็นนักเรียนทุน
ดิฉันก็อิดเอื้อนบอกว่า ไม่เอาหรอก ขอจ่ายเงิน
พอคุณเขาบอกว่า 26,000 นะคุณจะจ่ายไหมล่ะ
ดิฉันก็เงียบกริ๊บ...คุณเขาว่ามันเป็นประโยชน์กับดิฉันควรจะเรียนนะ
จากนี้ไปก็คงต้องถวายตัว ตกเป็นทาสชีวิตไปจนนิรันดร์เสียแล้วค่ะครูใหญ่

ไม่แปลกใจเลย ที่คุณสกุลจะเป็นที่รักของผู้คน
และเป็นที่รักในเชิงรุกเสียด้วย ให้ก่อนเสมอ
เป็นที่นิยมชมชอบไม่เฉพาะคนที่รู้จักมักคุ้น แม้แต่คนที่ไม่รู้จักมาก่อน
อย่างตอนที่ไปเดินสำเพ็ง เข้าออกร้านไหนก็ไปเล่นมุก
หยอกเอินกับแม่ค้าพ่อค้า ทุกร้านก็รับมุกสนุกสนานกับนางไป
ขอเรียกว่า สาลิกาลิ้นทองตัวจริง ช่างเป็นผู้รู้ตื่นและเบิกบานโดยแท้
แถมนางก็มีจิตวิทยาสูงในการมองผู้คน มองปร๊าดเดียวก็เดาที่ไปที่มาถูก

ก็ให้รู้สึกมีบุญวาสนานักที่ได้มารู้จักคลุกคลีใกล้ชิดกับคนแบบนี้
แบบยังไม่ต้องคิดว่า นี่มัน Artist ระดับ world class เชียวนะ
กราบขอบพระคุณที่คุณเขา เอ็นดู เมตตาข้าพเจ้า และเป็นอีกหนึ่งเจ๊ดันในชีวิต

คลาสนี้จะมี 4 วัน วันแรกก็เริ่ม warm up กันง่าย ๆ
ช่วงเช้า จิบชาบัว ทัวร์พิพิพธภัณฑ์ แล้วก็มาพับดอกบัว 6 แบบ
พับสวยหรือเปล่าไม่รู้ (สวยนะ) แต่รู้สึกว่าตัวเองสวยมาก
ที่ได้นุ่งซิ่น พับเพียบ ฟังเพลงไทยเดิม พับดอกบัวอยู่ในศาลากับคนนานาชาติ
มันเป็นเรื่องแฟนตาซีในชีวิตที่อยากทำ แล้วโอกาสนั้นก็มาถึง
รู้สึกว่า เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ...คือหน้าตารองรับมานานแล้ว ... ฟินค่ะ

ตกบ่ายก็ทำชิ้นนพรัตน์ดารา
คือการแกะกลีบดอกบานไม่รู้โรยทีละกลีบ
มาติดลงไปในฟอร์มรูปดาว (โอ้วมายก๊อด) แล้วติดเพชร

ตอนแรกก็ว่า จะเสร็จไหม แต่ปรากฏว่า ทุกคนทำได้ ทำเสร็จ
สันนิฐานว่า ทุกคนที่มาลงคลาสก็ล้วนแต่มีใจรักทั้งสิ้น

พอข้าพเจ้าเริ่มติดกาวไปทีละกลีบ...ก็นึกว่า นี่มันไม่ต่างอะไรกับการปักผ้า
ที่เราปักไปทีละฝีเข็ม..แถมอันนี้ยังเร็วกว่าเยอะ
หวังจะช่วงชิงที่ 1 เสร็จก่อน ทำสวย ให้เป็นที่รักของครู
แต่แล้วก็ต้องพ่ายให้สาวฝรั่งเศสไปอย่างไม่น่าเชื่อ
หึ...สาวฝรั่งเศส ร้อนแรงไปซะหมดทุกอย่าง แม้แต่งานฝีมือ...หึ

By Mon /Work of my student



 
คุณเขาทำเสร็จแล้วนะคะไม่ยอมส่งการบ้านค่ะ
ไปแปะไว้เป็น cover ของตัวเอง
นี่ก็แอบไปจิกมา post ประดับบารมี...เหอะ ๆ

งานของมน ผู้หญิงผู้มีบุคลิกแบบเมียยากูซ่า
นิ่ง ๆ ยะเยือก ๆ กรีดตาร้าย และมีรอยสักรูปจรวดพับ
ที่เธอว่า ถึงร้ายก็รัก
ค่ะ งานเธอน่ารัก มนได้ลายเส้นเซอร์ ๆ น่ารัก ๆ
ปักออกมาได้สนุกสมลายเส้น ของ artist
ถึงจะปักตามเส้นของศิลปิน แต่ตัวตนของแต่ละคน
ก็ทะลวงทะลักออกมาอยู่ดี

: work of my student /Playful embroidery 11.2 /Naive art theme/Joyrukclub Thailand
— with Monmon Narumol.

Central workshop รักปักใจ 7 : 22Nov.14




เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความ “นักเรียนหาย “...เหอะ ๆ ขำดี(แบบยิ้มจริง ๆ นะ)
ที่ได้เจอแบบนี้ทุกคอร์ส เดือนที่แล้ว แน่นค่ะ เหนื่อยแล้ว
เดือนนี้คุณพี่จักรวาลเขาให้ดิฉันไปพักผ่อน ฮิฮะ ชิล ๆ ไม่เครียดไม่เมื่อย
คุณเขาแจ้งไว้ 3 แต่มาเรียน 1 อีก1 เลื่อน อีก 1 หาย ทั้งที่จ่ายเงินหมดแล้ว
ก็ได้แต่เป็นห่วงคุณเขานะ เขาคงจะเกิดอะไรในชีวิตสักอย่าง
และก็ขอบคุณน้องหญิงที่ Central ที่ยินดีจะจ่าย 3 ให้ก่อน

แต่ละครั้งที่จะไปสอน ก็ไม่รู้หรอกว่าจะเจอใครอะไรยังไง แต่ก็ไม่เคยกลัว
กลับลุ้นสนุกทุกครั้งว่าวันนี้คุณเขาจะส่งบทเรียนแบบไหนมาให้เรา
วันนี้ได้สอนนักเรียน 1 ท่านคือ คุณนุ๊ก สุธิดา (ชื่อนี้จริง ๆ แต่ไม่ใช่ดารา)
นุ๊กเป็นประเภท เก็ทง่าย (ที่สุด ของนักเรียน central ) อย่างแตะตัวก็เข้าใจ
ปกติ 13 ลายก็หนักหนาสำหรับเวลา 12.00-18.00 แต่นุ๊กรับ stitch เสร็จ
ตั้งแต่ยังไม่ 4 โมง เข้าใจง่าย ทำไว ได้กลับบ้านเร็ว...เราจัดเธอไว้ในระดับเกรด A

เริ่มเข้าบทเรียนเราก็สัมภาษณ์นักเรียนตามสไตล์ เพื่ออ่านชีวิตผู้คน
นุ๊กเคยทำงานสายการบิน แต่พอคุณแม่ป่วย ก็ลางานแบบ without pay
มาดูแลแม่ได้ปีกว่า ก็ถามตรง ๆว่า แล้วรายได้ล่ะ โชคดีที่ที่บ้านมีที่ดินให้เช่า
ไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้ นุ๊กก็สบายใจดีที่จะได้อยู่กับแม่ ที่ไม่รู้จะอยู่กับเราไปได้อีกกี่ปี
คุยถึงเรื่องมะเร็ง เรื่องความไม่จีรังของชีวิต ความไม่จีรังนี่แหละ พอได้ย้ำถึงมันบ่อย ๆ
ก็ทำให้เราปล่อยวางได้มากขึ้น ชีวิตเบาขึ้น แต่กับความรู้สึกบางอย่าง
เรากลับดื่มด่ำ แน่นหนาที่จะรู้สึกให้เต็มที่ เพราะคิดว่า มันไม่จีรัง เราจึงไม่ยั้ง
ที่จะรู้สึกกับปัจจุบันขณะ
หลังคุยกันอิ่มหนำ ต่างคนก็ต่างปักงาน ข้าพเจ้าหยิบของเก่าที่คั่งค้าง
งานบางชิ้นที่ยังไม่เสร็จ เก็บไปได้เยอะเชียว
ขอบคุณอะไรบางอย่าง พลังจักรวาล ประสบการณ์ วัย หรืออะไรก็แล้วแต่
ที่ทำให้เดี๋ยวนี้หาความทุกข์ไม่ค่อยจะเจอ...รู้สึกอิ่มเอิบอยู่เสมอด้วยซ้ำไป

...


25 Nov.14
 
นักเรียนปักคนไหนที่เล็งไว้แล้วว่าเป็นเกรด A
ส่วนมากก็เกรด A จริง ๆ

หมุดหมายของการสอนปักผ้าที่ Central workshop
คือปล่อย 13 ลาย stitch ให้ครบ และบอกวิธีการนำไปใช้
ว่า advance ไปได้อย่างไรบ้าง หรือคุณจะไม่ advance
ปักแค่แต่ละลาย ไม่ปักเป็นรูปเป็นร่าง เราก็ปล่อยผ่านเช่นกัน

ความคาดหวังกับนักเรียนที่นี่ก็จะมีน้อยหน่อย
เพราะเป้าประสงค์คนมาเรียนส่วนใหญ่
อ่านเจอในแผ่นพับใบแจ้งหนี้ ในช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
ว่าเออมีสอนปักผ้าด้วยแหะ ลองไปเรียนเล่น ๆ ดูนะ
และไม่ได้รู้จักคนสอนมาก่อน
ไม่มีแรงกระตุ้นนำทางไว้ เหมือนนักเรียนที่เป็นแฟนเพจกัน

ฉะนั้นแค่มาเรียนแล้วปักได้ถูกตามวิธีการ เราก็ถือว่าบรรลุแล้ว

นุ๊กเป็นนักเรียน VIP คนแรก ที่ได้เรียนคนเดียว (เพราะคนอื่นหายตัวไป)
แล้วนุ๊กก็ทำตัว VIP จริง ๆ ที่เข้าใจ ทำได้ ทำเร็ว
เรียนเสร็จไปวันเสาร์ วันจันทร์เธอก็ส่งการบ้าน แล้วยังบอกว่า
จะตามมาเรียนต่ออีก

กวางของนุ๊กสวยเชียว สำหรับผลงานของการเรียน stitch basic 4 ชั่วโมง
โทนสีสนุก เลือก วางลาย stitch ได้เก๋ เกือบจะจับเป็นลายไทยโมเดิร์นได้

ถึงวันนั้นนักเรียนจะน้อย แต่ได้นักเรียนคุณภาพ เราก็ไม่รู้สึกเว้าแหว่งแต่อย่างใด

Work of my student /Central workshop / Deer Theme