Wednesday 31 October 2012

หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง /Window, doors have ears.

จะรัก หรือ เกลียด ทุกอย่างก็ต้องผ่านพ้นไป / ปราย พันแสง
จะรัก หรือ เกลียด ทุกอย่างก็ต้องเก่า เป็นอนิจจังทั้งนั้น / ดอกนมแมว


ร่องรอยของเวลา  ซากตึก ประตู หน้าต่าง ความผุพัง มนต์ขลังของความเก่า ดูสวยเร้าใจเสมอ
สำหรับฉัน และคงเข้ากันได้ดี ที่ทั้งหมดนี่ถูกบันทึกด้วยกล้องแมนนวลเก่า ลงในฟิล์มเน่าหมดอายุ

สถานีดับเพลิงบางรัก นอกจากความเก่าแก่ของหน้าต่าง 
เครื่องบินใบพัดของเล่นข้างนอกนั่นดูมันจงใจที่จะเป็นเครื่องประดับของที่นี่

ระหว่างชานพักบันได เป็นอีกครั้งที่ยืนยันว่า แสงตอน 4 โมงเย็น เป็นอุณหภูมิแสงที่สวยที่สุด

โถงกว้าง หลับตานึกไปถึงสมัยนั้น ตอนที่ยังเป็นโรงเก็บภาษี อาจจะมีซักคืน
ที่โถงโล่งตรงนี้เป็นกลายเป็นฟลอร์เต้นรำ ปัจจุบันเป็นฟลอร์ตากผ้า
ถ้ามีผู้หญิงซักคน เปิดหน้าต่าง แล้วยืนค้างดูวิวอยู่ตรงนั้น กรอบภาพของหล่อนคงสวยน่าดู


คาดว่าสีเขียวสะดุดตานี้ คงเป็นสีใหม่ ที่ยังไปได้ดีกับสีซีดของปูนเก่า

กระท่อมไม้ใกล้พังหลังนี้ซ่อนตัวอยู่หลังตลาด 9 ห้องที่สุพรรณบุรี 
เถาวัลย์พันล้อมบ้าน แตกกิ่งก้านสาขา จนกลายเป็นประติมากรรมสุดเซอร์


บ้านเจ้าคุณอะไรซักอย่าง ใกล้ตลาดในตัวเมืองกาญจนบุรี 
ที่เราแอบมุดรั้วสังกะสีเข้าไปถ่ายกัน เห็นจากด้านนอกเรือนนี้สวยจับใจ 
เข้าไปดูข้างในยิ่งตรึงตา เสียดายที่ใกล้พังเต็มทีแล้ว



ปล. คิดเผื่อไว้ว่า ถ้าเครื่องคอมฯ พัง , external เจ๋ง data หาย 
หรือตัวเราตาย  การฝากรูปที่เคยถ่าย  online ไว้ในอากาศนี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
หรือเลวร้ายที่สุด เผื่อเป็นอัลไซเมอร์ขึ้นมา จะได้มีใครมาชี้ว่า นี่ไงภาพที่เธอเคยถ่าย

Tuesday 30 October 2012

Bed of Moss

When I listen to a variety of people, May be make me hurt.  
Even the sound of our own.

Just break ,
Listen to the sound of ferns, moss, natural sound.
Please keep your ears  to the quiet.
 
เสียงผู้คนหลากหลาย ถ้าฟังมากไป ก็มีแต่ทำร้ายจิตใจ แม้เสียงข้างในของเราเองก็เถอะ
ฟังเสียงเฟิร์น เสียงมอส เสียงธรรมชาติดูซะบ้าง พักหูสู่ความสงบ


Filmed / Edited by Kurtis Hough
Music by Rachel Grimes
From the album Book of Leaves

Monday 29 October 2012

หญิง 61 และลูกแฝด







"หญิงชาวบราซิล วัย 61 ปี คลอดลูกแฝด หลังจากพยายามมีลูกทุกวิถีทางมานานหลายปี
แอนโทเนีย เลติเซีย แอสตีส ชาวบราซิล ได้ให้กำเนิดลูกแฝดสมใจ เป็นหญิงคน ชายคน 
ที่โรงพยาบาลในนครเซา เปาโล โดยลูกน้อยทั้งคู่ สุขภาพแข็งแรงดี 
แต่ยังต้องพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลต่อภายในการดูแลของแพทย์

แอสตีส  เผยว่า ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก เพราะได้มีลูกสมใจ 
หลังจากที่พยายามตั้งครรภ์เองหลายปี โดยใช้ตัวอ่อนของตัวเอง 
ซึ่งเก็บแช่แข็งไว้เมื่อปี 2002 ด้วยวิธีทำเด็กหลอดแก้ว

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เธอได้เคยพยายามขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุตรธรรม 
แต่ก็ถูกปฎิเสธ โดยอ้างว่า เธออายุมากเกินไปที่จะรับเลี้ยงเด็ก" 

ที่มาของข่าว : posttoday

หลายครั้ง ของพ่อแม่หลายคู่ การมีลูก ก็เหมือนการช้อปปิ้ง มีแต่ความอยากได้ เป็นที่ตั้ง



Sunday 28 October 2012

คำสอนของสึนามี


ชอบวิธีการเขียนหนังสือของผู้ชายคนนี้จริง ๆ บุญชัย สุขสุริยะโยธิน
โดยเฉพาะเรื่องนี้ ถูกจริตมาก  ขอเก็บไว้เตือนสติตัวเอง   อ่าน version เต็มได้ที่  / คำสอนของสินามิ




"ดาวเคราะห์ดวงนี้เคยเต็มไปด้วยความรักมาก่อน คนทุกคนชื่นชมและเคารพธรรมชาติ
เทพพระอาทิตย์ เจ้าแม่คงคา ผีป่าเขา ดั่งผู้มีพระคุณที่ให้ชีวิตและคอยเกื้อกูลมาตลอด


วันเวลาล่วงเลยจนถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม รูปแบบของความสัมพันธ์เปลี่ยนไป
ธรรมชาติกลายเป็น “ทรัพยากร” ที่ถูกคนนำมาใช้เพื่อตอบสนองความโลภไม่จำกัด
ภายใต้หน้ากากคำว่า "คุณภาพชีวิตที่ดี"ื
ทั้งที่ผลิตภัณฑ์ขายในตลาดมีไม่ถึง 1% ที่ทำให้ชีวิตเราดีจริง

เราเชื่อว่าเราอยู่เหนือธรรมชาติ และทำตัวเป็นนายควบคุมเค้าอย่างที่เราอยากให้เป็น
จากผู้มีพระคุณกลายเป็นทาสรับใช้ โลกแห่งความรักกลายเป็นโลกแห่งการเอารัดเอาเปรียบ

ในขณะที่ระบบสุริยะจักรวาลเป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆของ
ธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ สิ่งนึงกลับคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่านั้น
ทั้งที่สิ่งมีชีวิตนั้นหยุดหายใจได้เฉลี่ยไม่เกิน 3 นาที
หรือองค์ความรู้ที่พัฒนาไม่หยุด เพียงเพื่อจะทำให้เราไม่รู้อะไรเลย

ต้นปีที่แล้ว พื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นถูกถล่มด้วยแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ
กว่า 20,000 คนเสียชีวิตและสูญหาย ถนนถูกตัดขาด คมนาคมหยุดชะงัก
เครื่องนุ่งห่ม น้ำ อาหาร รวมถึงหน่วยกู้ภัยไม่สามารถเข้าถึงผู้ประสบภัยได้

ในช่วงเวลาที่มนุษย์ต้องเจอกับวิกฤตธรรมชาติ สิ่งที่เราต้องการที่สุด
ไม่ใช่ภาพฝันหรือสิ่งของที่บริโภคนิยมล่อเรา แต่เป็นแค่สิ่งเล็ก ๆ อย่างปัจจัย 4
ความสูญเสียทำให้เราเห็นค่าของสิ่งที่มองข้ามมาตลอด
และหลายสิ่งที่เราเคยมองว่ามีค่าจากโฆษณาทีวี กลับไม่ได้มีค่าอีกต่อไป"

หูแมว / Cat ears by woven picot


Woven Picot
woven แปลว่าการทอ , picot แปลว่าห่วงเล็ก ๆ  ช่างเป็นการตั้งชื่อลายที่ใสซื่อ ตรงไปตรงมา
ในคอร์สเรียนพื้นฐานการปัก จะไม่ได้เรียนไปถึงลายนี้ เพราะ woven picot ถือเป็นลายขั้นเทพ
จัดอยู่ในประเภท advance เป็นงานปัก 3 มิติ  (อยากจะทำเป็นก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับการไต่ระดับ)
ตอนแรกฟังชื่อลายก็ให้นึกขยาด ทั้งเห็นเนื้องานที่สาน ๆ ซ้อน ๆ  ก็ให้รู้สึกว่าเธอมันสูงศักดิ์
คงอีกนานกว่าจะอาจเอื้อมถึง 

เมื่อปักพื้น ๆ บ้าน ๆ คล่องว่องไวดีแล้ว ก็ลองค้นคว้า หาวิธีปักลายนี้ด้วยตัวเอง 
ไม่มีอะไรยากเกินไปหรอกนะ ออกจะง่ายซะด้วยซ้ำ เมื่อมีมนุษย์คนหนึ่งคนใดทำได้ 
และยิ่งมีมนุษย์หลายคนทำได้  แน่นอนที่สุด ที่ไม่มีอะไรยากเกินเลยที่เราจะทำได้เหมือนกัน  

พอทำได้ มันก็คลิกไปสู่ความเข้าใจ คล้ายระเบิดความคิดออกจากกรอบ 
ตราบใดที่เอาเส้นอะไรก็แล้วแต่ มา ปัก ถัก สาน ทอ มันก็ก่อให้เกิดเป็นชิ้นงานได้ทั้งนั้น 
โดยแทบจะไม่จำกัดความถูกผิด หรือติดอยู่กับตำรามาตรฐาน เท่าที่ความคิดสร้างสรร
จะบันดาลไปถึง

และเมื่อเดินทางปักผ้ามาถึงลาย woven picot ทำให้ได้ข้อสรุปว่า งาน ปัก ถัก ทอ สาน 
ก็ล้วนอยู่ในสายงานเดียวกัน  woven picot  เป็นการปักที่ก้าวข้าม เชื่อมสาขาจากการปัก
ไปสู่การสาน การทอ 

woven picot ทำไม่ยาก แม้ว่าดูจากชิ้นงานจะงง ว่าเส้นมันซ้อนไปซ้อนมายังไง
ด้วยสายตาเปล่าและยังขาดความเข้าใจ ทุกสิ่งก็คงไม่ง่าย แลดูน่ากลัวไปหมด
ต้องลงมือทำ แกะรอยแผนที่การเดินทาง การลัดเลาะของเส้น 
เมื่อทำเป็นแล้วก็หาวิธีเอาไปเล่าเรื่อง ให้เข้ากับสิ่งที่อยากจะสื่อสาร

นักปักทั้งหลายส่วนใหญ่ใช้ลายนี้เป็นกลีบดอก กลีบเลี้ยง เป็นใบ ... แต่เราใช้มันเป็นหูแมว
อะไรก็ได้ ที่มันเป็นรูปสามเหลี่ยมมีปลายแหลม และเป็นไปได้ที่จะดัดแปลงไปเป็น
ทรงเหลี่ยม  ทรงกลม หรือเป็นผืนขึ้นมาซะเลย
เมื่อเราจัดเจนมากพอจะทำให้หลุดออกไปจากสิ่งที่มันเคยเป็น

โลกของการปักผ้า ไม่ใช่เรื่องบ้าน ๆ ปักทึบ ปักเดินเส้น อย่างที่เคยมองเข้ามาเห็น
เรียกว่าเป็นวิชาชั้นสูงได้เลยทีเดียว ยิ่งอยู่กับมันมากเท่าไร ก็ยิ่งให้รู้สึกลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น
การปักเป็นภาษาสากล เป็นทั้งศาสตร์ที่มีแนวทางมาตรฐาน  
เป็นทั้งการเล่าประวัติศาสตร์ผ่านฝีเข็ม
ทั้งเป็นการต่อยอดศิลปะบนผืนผ้าและวัสดุอื่นได้อีกหลากหลาย  
และยังเป็นการฉายภาพให้เห็น ศักยภาพของผู้หญิงจากทั่วโลก 

woven picot ทำให้รู้สึกว่า จากนี้ไปก็ไม่มีอะไรยากอีกแล้ว สำหรับการปักผ้า  
อุปสรรคอย่างเดียวคือความเชื่องช้าของมัน ในท่ามกลางความเร็วของยุคดิจิตอล
มูลค่าของงานต่อมูลค่าของเงินที่จะได้มา ที่จะคอยลักลั่นย้อนแย้งปัดแข้งขา ขัดใจ  
ต้องหาจุดสมดุล และความพอใจให้เจอ

ถ้าคุณมีเวลา มีความรักที่จะทำ คุณก็จะได้การรอคอยที่แช่มชื่น ดื่มด่ำกับมันทีละฝีเข็ม  
ทีละเส้นด้าย ให้นึกซะว่าดีกว่านั่งสมาธินิ่ง ๆ การปักผ้าก็เป็นการเข้าสู่สมาธิเหมือนกัน
แต่เป็นการทำสมาธิที่ได้ชิ้นงานออกมาด้วยนะเออ 


Saturday 27 October 2012

Unknown journey



"คนเราบางครั้งต้องเดินเข้าไปใน Unknown journey เพราะมันทำให้สมองต้องเรียนรู้อย่างรวดเร็ว     เพื่อเอาตัวรอด การเรียนรู้ใน unknown journey ทำให้สมองมีพัฒนาการ ทำให้ cell สมอง   เกิดการเชื่อมต่อระหว่างกันมากขึ้น และที่เป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์

ใครก็แล้วแต่ที่ชอบใช้ชีวิตบนวงจรเดิม ไม่ชอบเดินเข้าไปใน Unknown journey ทำให้สมองมีพัฒนาการที่ช้า หรือไม่มีเลย และความคิดสร้างสรรค์จะต่ำมาก สิ่งที่ผมเรียนรู้วันนี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก และอยากจะแนะนำให้แกะดำทุกคนฝึกที่จะเดินเข้าไปใน unknown journey แล้วชีวิตของคุณจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ละเล็กทีละน้อย จนสุดท้ายเกิด Quantum jump ของชีวิต"
Credit : แกะดำทำธุรกิจ blacksheep
 

What kind of cat








Some cats like to look in the mirror.
Some cats like to watch the movement of the water.
Some cats like to play acrobatic.
Even cats that are  from the same parents.
But all noting the same
If we separate human  from the elements,Month of birth or group blood
And cats , we should separate by what ?

Wednesday 24 October 2012

my aim

เป้าหมายของเธออยู่ที่ไหนไม่รู้  เป้าหมายของฉันอยู่ที่นี่

 -----------------------------------------------



พระพุทธเจ้า จอห์น เลนนอน และฟิลิป คอตเลอร์/  by : บุญชัย สุขสุริยะโยธิน


“Imagine there's no countries. It isn't hard to do. Nothing to kill or die for. And no religion too. Imagine all the people living life in peace”
ผมถูกขัง รถติดไม่ขยับบนถนนสุขุมวิท ข้างหน้าของผมมีแท็กซี่กับรถกระบะ พยายามเบียดแย่งเพื่อเป็นเจ้าของพื้นที่ถนน 1 ตารางเมตรขยับเข้าใกล้กันคนละจึ้ก สองจึ้ก ไม่ลดลาวาศอก ถนนของส่วนรวมที่ต่างคนอยากยึดเป็นของส่วนตน
...

“Imagine no possessions. I wonder if you can. No need for greed or hunger. A brotherhood of man. Imagine all the people sharing all the world”
เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุค่อยๆจูงมือผมเข้าไปนั่งพักในโลกจินตนาการของจอห์น เลนนอน
โลกสมมติสวยจนอยากชวนทุกคนบนโลกเข้าไปตั้งหลักปักฐานด้วยกัน

ในโลกการตลาด ไม่ต่างจากการขับรถบนท้องถนนกรุงเทพฯ มากนัก แบรนด์เกือบทุกแบรนด์สร้าง market share จากการประหัตประหารแย่งชิงพื้นที่คู่แข่ง เป้าหมายสูงสุดคือการยึดตลาด
และสร้างยอดขายสูงสุด มีเพียงไม่กี่แบรนด์
ที่กำหนดการทำให้ชีวิตคนดีขึ้นเป็น Business Objective จับต้องได้

หนึ่งในนั้นคือ Carmina Campus แบรนด์กระเป๋าที่ขยายmarket share
จาการ Sharingกับโลกและคนด้อยโอกาส ที่ไม่เคยเป็น stakeholder จริงจังของบริษัทไหนทั้งนั้นในโลกความจริง แฟชั่นสร้างธุรกิจจากการกระตุ้นให้คนบริโภคฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น เสื้อที่ควรใช้ได้ 5-10 ปี
ก็ทำให้มันเชยเลิกใช้ภายใน 6 เดือนซะ Carmina Campus กลับเลือกที่จะมีส่วนสร้างโลกจินตนาการของแฟชั่นด้วยไอเดีย “To refuse excessive consumption and invent a new life for things, extending their use” และดำเนินธุรกิจ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ สร้างบาลานซ์ระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล้อม
กระเป๋าทุกใบของ Carmina Campus สร้างจากวัสดุรีไซเคิล ที่คนทิ้งขว้าง ผ่านดีไซน์ฉลาดๆ

เกิดเป็นกระเป๋าแฮนด์เมดพรีเมียมสุดเก๋ จนได้อวดโฉมในเทศกาลแฟชั่นระดับโลก
แต่ละดีไซน์จะมีแค่ 1 ใบเท่านั้น ป้ายสินค้าที่ติดกับกระเป๋าไม่เพียงทำหน้าที่บอกแบรนด์ 
แต่ยังเป็นสูจิบัตรของกระเป๋า บอกรายละเอียดถึงวัสดุที่ใช ้และระยะเวลาในการผลิต 
ทำให้สตอรี่ของแบรนด์จับต้องได้จริง

ที่เด็ดยิ่งกว่านั้น คอลเลคชั่นแต่ละเซ็ท ไม่แบ่งตามซีซั่นเหมือนแฟชั่นทั่วไป แต่คิดจากวัสดุที่นำมาใช้ 

หรือปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก ที่ต้องการสื่อให้คนรับรู้ เช่นเซ็ท pollution from cars and airplanes 
เซ็ท water wastage ราคาขายแต่ละชิ้น ส่วนใหญ่สูงกว่า 500 ปอนด์ ฟังดูเหมือนหน้าเงิน 
แต่เค้าเอาเงินส่วนใหญ่จากกำไรไปช่วยคนชายขอบ

ล่าสุดแบรนด์นี้ สร้างแคมเปญ Co-Creation กับ International Trade Centre ซึ่งเป็นหน่วยงานร่วมมือ

ระหว่าง UN และ WTO เพื่อช่วยขจัดความยากจนในแอฟริกา วัตถุดิบทั้งหมดเป็นของเหลือใช้ในพื้นที่และถูกสร้างสรรค์โดยผู้ด้อยโอกาสในแอฟริกา เกิดการสร้างงาน สอนทักษะเพื่อให้เค้ามีวิชาชีพไว้สร้างอนาคต และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมไปในตัว

Carmina Campus ทำลายกำแพงที่แบ่งแยกระหว่างเชื้อชาติ ระหว่างธุรกิจกับสังคม ระหว่างแฟชั่นกับธรรมชาติ และระหว่างแฟชั่นนิสต้าและคนชายขอบ การให้ที่เป็นการละตัวตน 

ในโลกธุรกิจ  การให้ กลับทำให้ตัวตนของแบรนด์ชัดยิ่งขึ้น

ฟิลิป คอตเลอร์ กล่าวในหนังสือ Marketing 3.0 ว่าเรากำลังก้าวสู่ยุคทำการตลาดกับคน

(Human-Centricity) ที่เลือกแบรนด์ที่เปิดโอกาสให้เค้าร่วมสร้างคุณค่า (Value)ให้กับสังคม
และตอบสนองความต้องการเบื้องลึกในใจ ความโดดเด่นของแบรนด์ Carmina Campus
ไม่ได้เกิดจากการทำCS
สร้างเปลือกภาพลักษณ์ หักภาษี เหมือนอย่างหลายแบรนด์ทำกัน 

แต่เกิดจากการกำหนด ‘Purpose’ ของแบรนด์ ว่าแบรนด์จะดำรงอยู่ในสังคมเพื่ออะไร 
ทำให้ทุกก้าวของแบรนด์ดำเนินไปเพื่อส่วนรวม

คนจึงรู้สึกภูมิใจที่หิ้ว Carmina Campus เพราะเหมือนหิ้วโลกไว้ใกล้ตัว 

เป็นวิธีทำตลาด ที่ทำให้โลกแห่งการตลาด เข้าใกล้โลกจินตนาการของจอห์น เลนนอนมากยิ่งขึ้น

คลิก youtube ค้น carmina campus african เพราะมีธรรมชาติจึงมีคน เพราะมีคนจึงมีธุรกิจ 

ความสำเร็จของ Carmina Campus ที่สร้าง Market Share จากการ Sharing คือบทพิสูจน์ความสำเร็จ
ของการดำเนินธุรกิจตามกฏธรรมชาติ อิทัปปัจจยตา* เกิดเป็น value ที่แข็งแรงของแบรนด์ 
และสังคมโลก

เส้นแบ่งของธุรกิจกับสังคมใครเป็นคนแบ่ง บทเพลงของ John Lennon เป็นจินตนาการ 

หรือเป็นความจริงที่มีอยู่แล้ว สิ่งทั้งหลายในโลกแท้จริงคืออัตตา 
หรืออนัตตา แล้วเราล่ะอยู่ในโลกสมมติ หรือโลกความจริง  คำตอบอยู่ข้างในตัวเราครับ

-------------------

*อิทัปปัจจยตา เป็นหลักการทางพุทธศาสนา กล่าวถึงความเกี่ยวเนื่องกันของเหตุและผล
เมื่อมีเหตุย่อมมีผล ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาลอย ๆโดยไม่มีเหตุผล

Tuesday 23 October 2012

ปลูกนกตายได้พิทูเนีย /Dead bird into Petunia


การจะต้องบอกตัวเองซ้ำ ๆ ทุกครั้ง ว่านี่คือสัญชาติญาณดั้งเดิมของมัน
โดยไม่มีการปราม กำราบ ก็ดูจะเป็นการให้ท้ายจิตใต้สำนึกแมวกันเกินไป
แมวมีจิตสำนึกมั๊ย ถึงจะไม่มี แต่แมวมีความทรงจำ
ถ้ามันจำได้ว่าจะต้องทำอะไร เวลาอยากได้อาหาร เวลาอยากออกไปข้างนอก
มันก็ควรจำ ว่าทุกครั้งที่จับนก จะต้องโดนทำโทษ โดนทำเสียงไม่เป็นมิตรใส่
โดนทำให้เจ็บเล็ก ๆ จากคนที่มันไว้วางใจ
และเกือบทำให้เชื่อได้ เมื่อมันทำหูลู่ หรี่ตา งอขาแขน

แต่สุดท้ายแล้วความทรงจำตื้น ๆ ก็ไม่มีทางเอาชนะรหัสอันซับซ้อนในยีนส์ไปได้
เวลามีนกมาเกาะ ร้องจุ๊บจิ๊บที่ระเบียงทีไร ไม่ว่าจะหลับลึกอยู่ขั้นไหน
มันตื่นขึ้นมาปากสั่นได้ทันที ไม่มีงัวเงียให้เสียเวลา ย่องย่างไปทำตัวแข็ง รอ ณ ชั่ววินาทีเผลอ
หิวหรือก็ไม่ใช่ แต่ต้องทำไปตามคำสั่งลี้ลับอัตโนมัติพันปี
นี่คือภาระกิจควบคุมปริมาณ และคัดสรร ผู้แข็งแกร่ง

เคยย่ามใจว่านี่มันไม่ใช่ภาคพื้นดิน นี่ระเบียงคอนโด ไม่ได้อำนวยความสะดวก
สำหรับเกมส์ที่ใครจะล่าใคร แต่ไม่รู้ทำไม แมวอาจสะกดจิตนกได้ให้มือไม้อ่อน
นกสีน้ำตาลตัวน้อย ยาวเท่านิ้วก้อย กว้างเท่านิ้วโป้ง โดนจับตายมาแล้วหลายตัว
ทั้งตายสด แบบที่กำลังปฐมพยาบาล ทั้งตายนาน ที่กลับมาบ้าน เห็นแล้วใจฝ่อ

แล้วก็มีีครั้งที่เศร้าที่สุด ตอนที่ตัวหนึ่งโดนจับตาย อีกตัวยังมาเฝ้าวนเวียน
มาเกาะระเบียงร้องเรียกหา อยากจะไม่รู้สึกรู้สาเหมือนแมวขึ้นมาเดี๋ยวนั้น

ต้องทำใจให้มั่น เกิดแก่เจ็บตายเป็นอนิจัง และนี่คือโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต


ตอนนั้นอารมณ์กำลังดราม่า  เลยจัดพิธีฝังนกใต้ต้นกุหลาบ (โรแมนติกเชียว)
ถือโอกาสเปลี่ยนจากกระถางไปด้วยในตัว จากกระถางคับไปสู่กระถางใหญ่
เห็นดอกนางกำลังงาม  เอาร่างนกวางไว้ข้างใต้ เขียนคำไว้อาลัย
ติดลูกไม้ ผูกโบว์  พูดลอย ๆ ไปในอากาศ
"ฝังไว้ตรงนี้ ยังอยู่ที่เดิม มาหากันได้นะ"  (ระวังแมวด้วยหล่ะ) 

ไม่นานกุหลาบก็ตาย ทำไมหนอ ก่อนหน้านั้นก็งามอยู่ดี ๆ ดินใหม่ ใส่ปุ๋ย ...จะเอาอะไรอีก
กระถางนั้นก็เลยเป็นแค่สุสานนก รอการย่อยสลาย  แต่ไม่วายรดน้ำ
เหมือนรอให้พืชพรรณอะไรซักอย่าง แตกตัวขึ้นมา  แล้วเธอก็มาจริง ๆ

ก็ใช่หล่ะ ก่อนหน้านั้นหลายเดือน เคยปลูกต้นพิทูเนีย แต่พิทูเนีย เป็นต้นไม้ล้มลุก
เสร็จสิ้นภาระกิจบานสะพรั่งเต็มต้นเมื่อไร เธอก็มักสิ้นแรง แกรน  แล้วก็แห้งตาย
ก็เพราะเจ้าดอกพิทูเนียนี่แหล่ะ สีม่วงเข้มแทงตานกเจ้ากรรม ล่อให้มากินน้ำหวาน
หลอกใช้ไห้เอาเกสรไปผสมพันธ์กับผู้ชาย  หลอกให้เอาเมล็ดติดตัวไปส่งต่อ

หนักข้อเข้า ก็ไม่เอาดอกอะไรมาปลูกยั่วนกอีกแล้ว  เหลือไว้แต่ต้นไม้เขียว ๆ
แต่นกสีน้ำตาลตัวน้อยหลายตัวก็ยังแวะมาฮิฮะทักทายกันทุกวัน


ฝังนก และทำกุหลาบตายได้ไม่นาน ก็มีต้นกล้าโผล่ใบ 2 แฉก แทงดินขึ้นมาอวดโลก
กะเวลาพอดีที่ซากนกสลายเซลล์หมดแล้ว  ต้นเขียวอ่อนน่าเอ็นดู ไม่รู้หรอกว่าต้นอะไร
แต่เชิญเธอเติบโตได้ตามสบาย ราวกับมันได้ยินคำเชื้อเชิญ เลยเต็มใจเกิดด้วยความยินดี
เด็กน้อยต้นไม้ โตใหญ่ กางใบเขียว ภายในอาทิตย์เดียว มันก็ออกดอก
ตอนนั้นหล่ะ ถึงรู้นี่คือ พิทูเนีย  ... แต่เป็นพิทูเนียยักษ์
ต้นใหญ่มากกว่าที่เคยปลูกแบบขยายสเกล 10 เท่า  และมาแบบไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้ปลูกเธอ


อาจจะได้รับอิทธิพลมาจากนิยายพื้นบ้านปลาบู่ทอง เมื่อตอนเด็ก ๆ มากเกินไป
ผสมความคิดเรื่องระบบนิเวศน์    จากเกล็ดปลาบู่ของแม่ หล่นลงดินกลายเป็นต้นมะเขือได้
แล้วทำไม ร่างนกตายจะกลายเป็นต้นพิทูเนีย บ้างไม่ได้หล่ะ

เป็นไปได้ใช่มั๊ย เมล็ดพันธ์พิทูเนีย ถูกฝังอยู่ในกระเพาะอาหาร ถึงลำไส้นกมันจะสั้น
แต่มันอาจแอบอยู่ตรงไหนซักที่  เหมือนปรสิตนิสัยดี ที่รอจังหวะเกิดใหม่

หรือถ้ามองในแนวนิยายปรัมปรา  พิทูเนีย คือชาติหน้าของนกตัวนั้น

Sunday 21 October 2012

สีแดงของดอกแค/ Red of flower





C 23,M90,Y43,K3 นี่คือค่าสีกลาง CMYK ของดอกแค ที่มองด้วยตาเปล่า
ที่จะออกไปในโทนแดง ดอกแคแดงสดที่เก็บใส่กระเป๋าไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
เอามาแช่ตู้เย็นไว้หนึ่งคืน  ซึ่งคงไม่น่าจะมีปฏิกิริยาข้างเคียงอะไร
วันรุ่งขึ้นเมื่อมาแปลงสีลงบนผ้า กลับได้ค่าอีกอย่าง ที่ไปในทางน้ำเงิน C73,M72,Y39,K24
ธรรมชาติก็นะ สามารถผลิตโมเลกุลสีลวงตาได้เหมือนกันนะเออ
และตามธรรมเนียม คงต้องทิ้งไว้ซักอาทิตย์ รอสีอยู่ตัว จะเอาไปผนึกเป็นชิ้นกระเป๋า



ชอบดอกแค ชอบตั้งแต่ชื่อ ที่มันไปพ้องเสียงกับคำว่า care  ยังไงซะมันก็ดูอ่อนโยน
และสำหรับคนโรแมนติก อะไรจะดีไปกว่า การเด็ดเก็บดอกไม้มากินได้

ในดอกแคนาสีขาว มีแร่ธาตุ วิตามินหลายสิ่ง แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก แคโรทีน
วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง วิตามินซี แล้วยังมีเส้นใยอาหาร

ยังกับการสังเคราะห์วิตามินรวมจากธรรมชาติ ให้มาเป็น package งั้นแหล่ะ มหัศจรรย์แท้
แต่ดอกแคแอบมีเกสรขม ๆ เวลาเอาไปต้มจิ้มน้ำพริก ก็นับเป็นการแก้เลี่ยนที่ดี
เห็นแคแดงบ่อย ๆ แต่ไม่เคยได้กินแกงส้มดอกแคแดงซะที
สงสัยอยู่เหมือนกัน สีส้มของพริก ผสมสีแดงของดอก แกงจะออกมาสีอะไรนะ


มีคนบอกว่าแคแดงมันเหนียว กลิ่นไม่หอมเหมือนแคนาสีขาว เลยไม่มีใครเอามาทำกิน
ตามเหตุผลของธรรมชาติที่เฉลี่ยความยุติธรรม  ถ้าไม่มีสีสันดึงดูดใจ 
เธอก็จะได้กลิ่นหอมแทน

งั้นคงต้องเอาไปต้มจับฉ่าย ให้ได้ไฟเบอร์ 
เผลอ ๆ ก็คงจะนับเป็นอาหาร ที่ออกไปในทางแฟนตาซีก็เป็นได้ จับฉ่ายดอกไม้แดง

Saturday 20 October 2012

สะท้อน / reflect





ข้อดี ของทุก ๆ คำพูดลบ ทุกคำในโลกนี้ก็คือ มันจะเปลือยสภาวะจิตใจของคนพูด
ว่ากำลังมีทัศนะคติแบบไหน วนเวียนอยู่กับเรื่องอะไร แบบที่สร้างภาพไม่ได้ เหมือนคำพูดดี ๆ
และคงไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปเก็บเอาทุกความคิดลบ มาเป็นข้อมูลให้หนักสมอง
นอกจากเอาไว้คิดบวกให้ตัวเอง เพื่อจะได้เดินทางของเราต่อ ใครอยากจะหน่วงตัวเองไว้
ก็คงเป็นเรื่องเสียเวลา เปลืองพื้นที่จัดเก็บของเขาเอง

การดิ้นรน วิ่งวนไปตามแรงเหวี่ยงของชีวิต ของคนเราทุกคน
ย่อมหนี้ไม่พ้นที่จะไปกระทบกระทั่งชีวิตคนอื่น มากน้อยแล้วแต่ผลประโยชน์
ซึ่งคงต้องมีผลสะท้อนกลับ มันอาจเป็นการใช้หนี้   มันธรรมดา
อย่างที่เธอบอก หากเราคิดว่าทุกอย่างธรรมดา ธรรมดาของโลกที่มีมานานแล้ว
มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีอะไรแปลกใหม่   ธรรมดาจะรักษาทุกโรค

หมายเหตุ : ภาพสะท้อนต้นไม้ครึ้มใหญ่ในบ่อน้ำตะไคร่เขียว ที่สวนสมเด็จย่า
บ่อน้ำดูลึกลับยิ่งนักในวันฟ้าฝน  อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงบ่อน้ำ แห้ง ลึก มืด
ของมูราคามิใน "บันทึกนกไขลาน"

บันทึกการอ่านของ : galapoo

เคยรู้สึกมั๊ยว่า แม้ไม่มีเราอยู่ ดวงอาทิตย์ก็ยังคงส่องแสงสว่างต่อไป
ดวงจันทร์และดวงดาว  ก็ยังคงทำหน้าที่ตามเวลาอย่างถูกต้องแม่นยำสม่ำเสมอ
และดำรงวนเวียนอยู่อย่างนั้นมาชั่วกัปชั่วกัลป์
จนเราไม่อาจหาจุดกำเนิดและปลายทาง ที่แท้ของปรากฎการณ์เหล่านั้นได้
หรือการดำรงอยู่ของชีวิต ไม่มีความหมายใด ๆ ต่อการเคลื่อนไหวในเอกภพนี้

....

ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ชีวิตที่มีอยู่นี่ทั้งกายเนื้อและจิต ดำรงอยู่เพื่อการใดเล่า
เมื่อไม่มีสิ่งใดเลยที่เป็นความจริงแท้ เป็นแก่นสาร
ที่สามารถยึดถือ ยึดจับไว้ได้อย่างแน่นหนา อบอุ่นและปลอดภัย

....

สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยอย่างเรา แสวงหาคำตอบ ตั้งคำถามเพื่อสิ่งใด
เมื่อสุดท้ายแล้วคำตอบนั้นไร้ซึ่งสาระ
ไม่อาจแม้อธิบายเพียงทรายเม็ดนึง ที่มีขนาดเล็กพอที่ลมเบาๆจะพัดปลิวหายไป
หายไป...ไร้ร่องรอย

............

การเกิด การดำรงอยู่ ความตาย ไม่ใช่สิ่งที่ดำรงอยู่อย่างแตกต่างกัน ขาดแยกจากกัน
หากมันรวมเป็นหนึ่งเดียว เป็นอีกด้านของกันและกัน
ทั้งขัดแย้งกัน และเจือจุนกัน
และเมื่อเราเพ่งมองชีวิต เอามีดคมกริบ เฉือนฉีกมันออกมาเป็นชิ้นๆ
ปรารถนาจะพบเพียงก้อนความทรงจำแหลกเหลว
แต่สิ่งที่พบภายใต้เปลือกที่ห่อหุ้มชีวิตนั้นมีเพียง "ความว่างเปล่า"

.........

เราเจ็บปวด เราทุกข์ เราหัวเราะ เราร้องไห้
มีสิ่งใด หรือใครหรือที่เข้าใจสิ่งที่เรารู้สึกได้จริง

........

หากเราเปล่งเสียงเพื่อรับรู้ความมีอยู่ของตัวเรา
ใช่หรือไม่ว่า เราเองเท่านั้นที่เปล่งเสียงให้ตัวเรารับรู้
ใครเล่าจะเห็นความมีอยู่ของตัวเรา
ความตั้งใจในการสื่อสารใดๆ ล้วนไร้สาระ
ไม่มีทางที่เราจะติดต่อสื่อสิ่งใดอย่างบริสุทธิ์กับใครได้
เราไม่เคยแม้แต่ได้ยินสิ่งใด

...............

หรือ บางทีการดำรงอยู่ของเราอาจพิสูจน์ได้โดยเพียงกำมือของเราไว้
แล้วเราก็พบว่า มีแต่เพียงนิ้วของเราเอง
และหากเราเพียงแบมือนั้นออก

Thursday 18 October 2012

รถไฟสายปรารถนา

 Saturday, December 12, 2009 9:14 PM 

ถ้านับว่า กรอบหน้าต่างนั่น คือการแสดงภาพ 
นี่คือการแสดงแบบ 4 มิติ มีตื้น ลึก หนา บาง 
มีกลิ่นบรรยกาศลอยมาแตะจมูก มีสัมผัสของลม ที่ลู่ไปตามสันหน้า 
มีเสียงประกอบ มีความสั่นสะเทือน
และที่พิเศษสุดคือ นิทรรศการนี้ จะเปลี่ยนการแสดงภาพไปทุก ๆ นาที แบบที่ไม่ทันจะเสพ
นั่นคงจะฟังดูดีเกินไปซินะสำหรับรถไฟไทย ๆ  จากวงเวียนใหญ่ไปมหาชัย ต่อด้วยแม่กลอง
ที่ทั้งร้อน ทั้งเหม็น (ถ้าไปนั่งใกล้ส้วม) ทั้งเซ็ง (ถ้าเจอเด็กป่วย) ทั้งเมื่อย (ถ้าแย่งนั่งไม่ทัน) 
แต่บางครั้ง คนเมือง ๆ ที่เบื่อรถติด เบื่อสนิทแนบกับคนบนรถไฟฟ้า จะมาทำโรแมนติก
นั่งรถไฟกระฉึกกระฉักเล่น ให้สะเทือนไส้สะเทือนซาง  มันก็เพลิดเพลิน เจริญหูเจริญตา
และดัดจริตอยู่ในทีดีแท้

วิวที่เจิดที่สุด คงเป็นภาพนาเกลือกว้างสุดลูกหูลูกตา นอกจากจะปล่อยใจให้โบยบินดั่งนกน้อยแล้ว
ก็แอบอิจฉาเจ้าของที่นา ที่มีที่ดินมากมายไปพลาง ๆ ด้วย  ให้นึกน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิตสาวกล่อง
กับพื้นที่นอกระเบียงผืนน้อย ปลูกต้นอะไรได้แค่กระจุ๋มกระจิ๋ม กระเบียดกระเสียรแย่งที่กับราวตากผ้า
ราวกับแม่ค้าที่อยากจะตบกัน

ช่างเถอะ!  กลับมาตั้งสติกับหน้าต่างรถไฟ  ปล่อยไหลให้มันนำใจ ทำหน้าชี้ชวนชมต่อ
นกกระสา นกกระยาง นกเอี้ยง วัว ควาย กบ เขียดในหนอง
ยังมีอีกหลายสิ่ง หากอยากจะตั้งหน้าตั้งตาอิจฉา

ปลาแห้งปลาเค็มตัวยักษ์ ตลาดคนมอญ  พะเนินซากหอย  แม่น้ำสีขรึม หมาบนเรือข้ามฟาก 
ของราคาถูก คนแถวนี้ก็คงจะชินกับมันซะเต็มประดา อย่ามาทำเป็นตื่นเต้น  
ความแปลกใหม่นั่นเอง ที่เป็นเสน่ห์ของชีวิต

 สนิม ร่องรู สีลอก ท้องฟ้า พืชชั้นนำ  หรือพืชชั้นต่ำ  หากจะหาความสวยงาม ถ้ามีใจ ก็ย่อมมองเห็น
 เวลาหนึ่งวันสั้น ๆ ก็นับว่าคุ้มค่าสำหรับการชำระล้าง  และการหาแรงบันดาลใจ 
กับรถไฟฟรี  สวัสดีกรุงเทพมหานคร




Sunday 14 October 2012

แหวนนกฮูก /Owl ring

Owl ring stitch with coffee
 
Make to order  นางอยากได้นกฮูก  ถึงจะมีความชอบนก ชอบสัตว์ปีก ชอบสีสันของมัน
แต่ นกฮูก กลับไม่อยู่ในอันดับต้น ๆ ในใจที่คิดอยากจะปัก ไม่อยากคิดว่า เพราะมันฮิตงั้นหรือ
ฉันไม่ชอบของฮิตจริง ๆ ด้วย

ช่วงนี้กำลังสนุกกับการเอาสีธรรมชาติมาเล่น เมื่อนกฮูกตกมาถึงมือ นาทีต่อมาฉันก็คิดถึงกาแฟ
กาแฟกับนกฮูก เข้าคู่กันได้ดี  ระบายเข้าไป ตั้งใจอยากให้มีกลิ่นกาแฟ

แมวที่ว่าหยิ่งแล้ว  นกฮูกที่มีความเหมือนแมว..ดูเหย่อหยิ่งกว่า ร้ายกาจอยู่ในที
เผลอเมื่อไร ก็จะโดนจับไปกินซะงั้น ถ้าคุณเป็นหนู ฉันเลยอยากให้มันดุ อย่างที่สเก็ตไว้ จะใช้สีดำปัก


แต่ปักออกมาก็ไม่เป็นแบบที่วาดไว้ในใจ ใส่เส้นไปเรื่อย ๆ ในที่สุดความเป็นตัวเองก็ออกมาระเริง 
ฉันเป็นคนหวาน จะต้องให้ย้ำกับตัวเองไปอีกเท่าไร  ทำออกมาทีไรก็หวาน



แต่ทำเสร็จโดยรวมแล้ว ก็ชอบมาก รู้สึกได้ชัดถึงความเป็นตัวเอง
ก็ได้แต่หวังว่า คนสั่ง ก็จะชอบด้วย
 

The best designer


The most talented designers, it is natural.

ตำราที่ดีที่สุดในการจับคู่สี หาเฉด ออกแบบรูปทรง
ก็คือ ลอกเลียนธรรมชาติ เขาคิดไว้หมดแล้ว