Wednesday 28 November 2012

I feel like vomiting

Experiments with embroidery sewing machines.
 
หญิงสาว ผู้กำลังจะอ้วกออกมา

ตอนที่ปักผ้าด้วยมือ ทำให้นึกเหยียดงานปักผ้าด้วยฝีจักรนิด ๆ
คล้าย ๆ ตอนถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มที่ทุกอย่างเป็นแมนนวล  ก็ให้รู้สึกเหยียดรูปจากดิจิตอลทั้งหลาย
ว่าไม่มีคุณค่า อย่างกับพวกหลุดยุคสมัย ที่ยังหลงชื่นชม เข้าข้างตัวเองอย่างข้าง ๆ คู ๆ
มาถึงตอนนี้แล้ว ทำให้บรรลุว่า มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการ มันขึ้นอยู่กับภาพสุดท้ายมากกว่า
ถ้าภาพสุดท้ายทำให้เราพอใจได้เหมือนกัน  จะผิดอะไร ถ้าเราใช้ทางลัดที่เร็วกว่า
และยิ่งถ้าไม่มีเวลาจะมาพิรี้พิไรอะไรอีก ก็ยิ่งดูมีเหตุผลที่จะต้องทำแบบนั้น


ออกจะเป็นเรื่องบ้าบิ่น ที่จะวาดสีหน้าคนแสดงอารมณ์จัด ด้วยฝีจักร
อย่างคนที่วาดรูปไม่เป็น ใช้จักรไม่เก่ง
ก็ไม่ได้ต้องการรูปเหมือน รูปเนี้ยบ เส้นเรียบร้อย  ทำไมจะไม่เริ่มลองหล่ะ
และถ้ากำลังอยากจะกรีดร้องกับเรื่องบางเรื่อง  เส้นด้ายที่ดูเกือบจะควบคุมไม่ได้เหล่านี้
ก็ให้อารมณ์กู่ก้องร้องตะโกนปลดปล่อยดี

 side A  : Blue

ลองใช้ด้ายบนล่างคนละสี น้ำเงินชมพู คิดไว้ว่ามันจะเกิดการผสมเส้นสีกันให้เห็น
แต่ไม่เป็นแบบนั้น บนก็บน ล่างก็ล่าง  มีบางจังหวะเล็ก ๆ ที่ขึ้นมาให้เห็นนิดหน่อย
สีน้ำเงินเป็นด้านโชว์งาน  ใช้เศษด้ายที่สะสมไว้ แทนความคลื่นเหียน ที่จุกอก
แล้วก็กลายเป็นได้งาน 2 ด้าน น้ำเงิน ชมพู    สุดท้าย ชมพู  ดูลงตัวกว่า


การบังคับฝีจักรเหมือนจะควบคุมยาก ต้องค่อย ๆ เหยียบเบา ๆ เดินเส้น หมุนผ้า ปักเข็ม
ยกตีนผี ขึ้นลงตลอดเวลา ทุกอย่างต้องประสาน เหมือนเล่นดนตรี เหมือนตีกลองชุด
แม้ภาพที่ออกมายังไม่เป็นดังใจหมาย แต่รู้เลยว่า ถ้าทำต่อเนื่องไปอีกซักสองสามรูป
จะทำได้ดีกว่านี้  เหมือนทางมันมาแล้ว

และแน่นอน  งานปักด้วยจักร ย่อมให้คนละอารมณ์กับงานปักมือ ได้คาแรคเตอร์คนละแบบ
ขึ้นอยู่กับงานที่จะนำไปประกอบ ว่าอยากถ่ายทอดแบบไหน

ทำชิ้นนี้แล้วตื่นเต้น  อยากจะทำอีก ทำอีก ทำอีก  จนเกือบจะนอนไม่หลับ จินตนาการบรรเจิด

side B : Pink

Tuesday 27 November 2012

Reminding


เธอบอกว่ามันคือปะการัง ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอก อาจเป็นกัลปังหา
เป็นกิ่งไม้ เป็นเซรามิก เป็นเศษส่วนของอะไรซักอย่าง ที่ถูกเขียนหน้าซองไว้ว่า ระวังแตก
และถูกห่อหุ้มมาด้วยพลาสติกกันกระแทกนวมหนา ดูไปดูมาก็เหมือนของขลังประจำตระกูล
ที่ตกทอดสืบต่อกันมาช้านาน มันมีร่องรอยของกาลเวลา  เธอว่า มีคนให้มาอีกที
สิ่งที่ฉันต้องทำคือ ประดิษฐ์ปิ่นปักเก็บมวยผม
ถ้าเธอไม่รีบนัก ฉันก็อยากใช้เวลานั่งมองมันอีกนิดหน่อย

ย้อนกลับเมื่อ12 ปีที่แล้ว ตอนนั่งดูหนัง Autumn in New York ไม่ได้ประทับใจพล็อตอะไรนักหนา
เป็นเรื่องของตาแก่จอมเจ้าชู้ มาเจอเข้ากับสาวสวยนักเรียนศิลปะ ที่คุณย่าหวง
สาวน้อยใช้ความเดียงสา เอาชนะใจเฒ่านักรักได้  แล้วเธอก็ป่วยตายซะงั้นแหล่ะ

ซีนจดจำสำหรับฉันเป็นซีนเปิดตัวสายน้อย ในปาร์ตี้หมวกของแกงส์คุณย่า
หมวกทุกใบล้วนเป็นดีไซน์ของเธอ ตาเฒ่าชีกอที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร
เกิดประทับใจในความงดงามของคุณหลาน ก็เลยวางแผนที่ไม่แยบยลนัก
สั่งให้เธอทำหมวกให้บ้าง จะไปออกงาน  สาวเจ้าก็ดี๊ด๊ารีบทำให้เพราะมีใจอยู่แล้ว

สิ่งที่เธอทำไป ประหลาดดี มันเป็นกิ่งไม้เล็ก ๆ สีดำ เหมือนเป็นรังของแมงมุม
ปลายอีกด้านห้อยนกพับ...ฉันเดาเอาเองว่ามีนัยยะถึงการจับเหยื่อ
แบบเธอรู้ทันอีตาเฒ่า แต่หล่อ เท่ เร้าใจขนาดนี้ก็ต้องรีบยอมตกเป็นเหยื่อหละนะ
มันคงแปลกไป เขาก็เลยให้เธอใส่มงกุฎนั้นแทน แล้วไปงานกับเขาซะตามแผน

ตอนนั้นรู้สึกกรี๊ดกร๊าด เธอเท่ห์ดี ถ้ามีอาชีพนี้จริง ๆ อาชีพที่ประดิษฐ์ของตามสั่ง
ห้องของนักเรียนศิลปะอย่างเธอก็สวยงามเหมือนสวรรค์ เป็นสีขาวพราวแพรว
สื่อถึงความบริสุทธิ์ นางฟ้า เทพธิดา
และเธอก็ยังชอบพับนก  นกพับที่หมายถึงการมีความหวัง กับสิ่งที่กำลังจะสิ้นหวัง

เจ้าก้านสีดำอันนี้แหล่ะ ที่ทำให้ remind ถึง หนัง Autumn in New York
ตอนนี้กำลังจะได้ทำคล้าย ๆ กับเธอ แต่คงไม่ต้องแฟนตาซีขนาดนั้น
เพราะทั้งคนทำ คนจะใช้ ต่างก็อยู่ในโลกความเป็นจริง 



Sunday 25 November 2012

first dress


มันเคยเป็นความคิดแบบลม ๆ แล้ง ๆ ตั้งแต่เริ่มโตพอจะมีระบบคิดเป็นของตัวเอง
ว่าอยากจะดีไซน์เสื้อผ้าใส่  เสียดายที่ทางบ้าน ไม่ได้ตอบสนอง สนับสนุน
ความคิดฝันของเด็กที่ดูจะชอบอะไรเหนือจริง  ที่จริงมีโอกาสได้ร่ำเรียนอะไรซักอย่าง
คงนับเป็นโชคดีแล้ว สำหรับเด็กบ้านแตก ที่แทบจะไม่มีที่ยืนเป็นของตัวเอง
เพราะเหตุนี้ละมั้ง เด็กคนนั้นก็เลยโตมาอย่างไม่ศรัทธาในความรัก ไม่ไว้วางใจการมีครอบครัว
ถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องกลัวการสูญเสีย ไม่ต้องรอวันล่มสลาย ไม่ต้องกลัวพ่อจะตายไปก่อน
ไม่ต้องกลัวแม่มีสามีใหม่ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีใครเลี้ยงลูก ไม่ต้องกลัวอะไร ๆ อีกหลายอย่าง
เช่นเดียวกับศิลปะ ถ้ามันไม่น่าไว้วางใจนัก ก็ลืมมันเสียเถอะ อย่างที่ผู้ใหญ่บอก ต่อให้ตอนนั้น
เธอวาดรูปได้ดีแค่ไหนก็ตาม

แต่ความคิดง่อย ๆ นั่นยังฝังตัวอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้ถูกเลี้ยงบำรุง แต่มันก็แอบเติบโตของมันเอง
อย่างคนมีเชื้อ อย่างช้า ๆ ช้ามาก ๆ กินเวลานานหลายสิบปี ที่มันค่อย ๆ ลามจนท่วมร่าง
แบบที่เจ้าของหัวใจก็ยังไม่รู้ตัว มองไม่เห็น ไม่คิดว่ามันสำคัญ
ปล่อยผ่านให้ยังเป็นแค่พล็อตเพ้อฝัน ไม่ได้เริ่มลงมือทำ ให้มันจริงจัง ทั้งที่ทำได้

มันเคยจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้สิบกว่าปีที่แล้ว  สองสามปีแรกของการเริ่มทำงานประจำ
ไปเทคคอร์สสั้น ๆ หลายอย่าง ทั้งวาดสีน้ำ สีถ่าน ถ่ายรูป  แล้วจบลงที่คอร์สตัดเสื้อผ้า
เหมือนอยากพูดภาษาอังกฤษได้ ก็ต้องเรียนแกรมม่า ฉันใดฉันนั้น
จะตัดเสื้อผ้า ก็ต้องผ่านการเรียนแพทเทิร์น...ฉันไม่ยอมเดินผ่านมันซะงั้น
เราตัดเสื้อผ้าเซอร์ ๆ ได้มั๊ย ไม่ต้องผ่านสูตร ผ่านตัวเลข คำนวณ...ไม่ได้ซินะ
นึกอยากได้ ชิพสำเร็จรูป ที่แค่ฝังลงไปในเนื้อ ก็ตัดเสื้้อผ้าเป็นอย่างเก่งกาจ
โชคดีที่คนเรายังคิดชิพแบบนั้นไม่ได้ ไม่เช่นนั้น  งานฝีมือทุกอย่างบนโลกก็คงสิ้นคุณค่า

เงินหมื่นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ก็นับว่ามากอยู่  แต่มันก็ไม่มากพอที่จะรักษาความตั้งใจเอาไว้
เรียนได้ 3 ครั้ง ยังไม่ทันได้แตะเนื้อผ้าก็ทิ้งมันซะก่อน แล้วก็ทิ้งทุกอย่าง
กลับไปมีชีวิตดาษ ๆ มีชีวิตทั่วไปแบบไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย  หลอกให้เชื้อดีใจ แล้วกลับไปง่อยต่อ

เอาหล่ะ วันนี้ก็มาถึงแล้วซินะ  วันที่เชื้อบ้าไม่ต้องถูกแช่แข็งอีกต่อไป
ของแบบนี้มันใช้ได้กับทุกอย่าง ถ้าอยากจะทำก็ลงมือทำ ทำไปเรียนรู้ไป ไม่ต้องรอพร้อม
ไม่ต้องรอทำเป็น เรียนทฤษฎีให้ทำได้ แล้วค่อยทำ  มันก็คงไม่มีวันทำเป็นขึ้นมาได้
ฉันจะให้อภัยตัวเองทุกอย่าง เรามาเริ่มกันใหม่  เริ่มตรง...ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการตัดเสื้อผ้าเลย

ทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่การเลียนแบบ ทำซ้ำ  ก่อนจะสันดาปเป็นตัวเอง... ฉัน copy เสื้อทรงชาวเขา

มาถึงวัยที่กำลังคลั่งสีน้ำเงินมาก ๆ พอดี ก่อนหน้านี้ไม่เคยอยู่ในหัวเลย
สีน้ำเงินเข้ากับเสื้อทรงนี้  มันมาพร้อมกับวัยที่อยากจะเรียบง่าย  แต่ในเรื่องใส่แนวคิดแล้ว
ก็ใช่ว่าจะยอมลงเอยกับความเรียบง่ายเสียทีเดียว


ด้านนี้อุทิศให้พื้นที่เรียบง่าย ถึงอยากจะแก่ตัวอย่างเรียบง่าย แต่ใช่ว่าฉันจะชอบความน้อย เนี้ยบ
ตรงคอปักมือด้วยลาย sashiko เรียกให้หรูไปงั้น มันก็คือการเดินเส้นเนา ผสมเส้นจักร
ใส่เศษผ้ายีนส์ให้ดูรุ่งริ่ง เพื่อทอดสะพานความเป็นกันเอง  ปักดอกแดงนิดหน่อย เก๋ ๆ เล็ก ๆ


ถ้าใส่ด้านนี้ จะออกเป็นญี่ปุ่น ผู้เคร่งอยู่ในนิกายเซน


อีกด้าน ที่เป็นลาย หญิงสาวผู้อ้วกออกมาเป็นฝูงแมว  ได้แรงบันดาลใจมาจากการอ่านเรื่องสั้น ๆ
ของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่สะดุดกับชื่อเรื่อง หญิงสาวผู้อ้วกออกมาเป็นฝูงนก
แล้วทำไม ฉันจะอ้วกออกมาเป็นฝูงแมวบ้างไม่ได้


ลายเส้นใบหน้า และนิ้วมือ ยังต้องปักมือ ที่จริงก็ตั้งใจจะปักมือทั้งหมด แต่เห็นทีจะไม่ทันการ
เลยต้องผสมฝีจักร อาจหาญมาก ที่ไม่มีการซักซ้อมก่อน  เพื่อความสดใหม่ และคาดไม่ได้
ดอกไม้ทัดหู ลองม้วนไหมเป็นกลม ๆ แล้วเย็บทับ ตรงตัวเสื้อก็เหมือนกัน
หาทางใช้เศษด้ายที่เก็บไว้ มาขยุ้ม ๆ แล้วเย็บทับ...ชอบมาก ได้ความยุ่งเหยิงในหัวใจ
ที่พร้อมจะอ้วกออกมา

สนุกกับการทดลองเอาโปรแกรมลายจักรมาเล่นตรงโน้นตรงนี้ เป็นเส้นลายกระโปรง
เป็นเส้นผม... จนจักรจะเจ๊งอยู่แล้ว เพิ่งได้ใช้นี่แหล่ะ

ส่วนตรงแมวร่าเริงทั้งหลาย  เหนื่อยมากกับการบังคับฝีจักร ให้เดินตามเส้นร่าง ยากมากนะ
ขอโทษ ที่ทำแมว เกือบไม่เป็นแมว...ดู ๆ ไป จะกลายเป็น แผนที่ดูดาวแมวซะมากกว่า


ยังไม่ค่อยภูมิใจเท่าไร อยากให้มันอลังการงานสร้างกว่านี้...ตบไหล่ตัวเองไม่เป็นไร
ดูเผิน ๆ ไกล ๆ ก็โอเคนะ  คงอีกพักใหญ่ กว่าจะมีเวลาทำงานอลัง ๆ ได้อีก
แผนการสำหรับปีหน้า ดูน่าหนักอกนัก


ลองใส่แล้ว เกือบชอบ  คงต้องทำเชือกรัดเอวหลวม ๆ เพิ่มเป็น option เสริมนะ  สรุป

Friday 23 November 2012

makeover crochet bag







เจอกระเป๋าน้อยใบนี้วางเรียงอยู่หน้าผู้หญิงผอมบาง
บนตักเธอมีลูกอ่อน ในมือกำลังขะมักเขม้นถักกระเป๋า
กระเป๋าเธอก็เรียบ ๆ ง่าย ๆ
แต่พอมาวางเรียงกันหลาย ๆ ใบ
หลาย ๆ สี มันก็น่ารัก น่าเอ็นดูดี
มีทั้งแบบพกพา และแบบสะพาย
เธอขายใบละ 30.- คุณพระ !
จ่ายไป 40.- ไม่เอาตังค์ทอน
ขายกระเป๋าที่ทำกว่าครึ่งวัน ได้ข้าวซักจานมั๊ย
เหตุผลที่ซื้อ ก็คงยินดีที่เห็นเธอทำงาน
ดีกว่า ผู้หญิงแม่ลูกอ่อนหลายรายที่สยาม
ที่อุ้มลูก แล้วรอแบมือขอ
บางทีก็ไม่รู้ว่าลูกเธอจริง ๆ หรือเปล่า

งานโครเชต์พวกนี้ ดูแว๊บเดียวก็คงว่า น่าเบื่อ
แต่อะไรที่เชย ๆ เรียบ ๆ ง่าย ๆ
พออยู่กับกาลเวลานาน ๆ ไป มันจะกลายเป็น
ของคลาสสิคที่ทรงเสน่ห์
แต่เรารอเสน่ห์ไม่ไหว
ขอมาใส่ตานกฮูก ใส่ซับในเก๋ ๆ ของเราไปพลาง ๆ ก่อน

แบบอย่าง



"มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างตัวตน จากการดูดดึงคุณสมบัติต่าง ๆ ของตัวตนคนอื่นมาประกอบ
ประยุกต์เป็นตัวเอง  ไม่มีใครสร้างตัวเองขึ้นมา โดยไม่มีการเชื่อมโยงถึงคนอื่น
เราล้วนมีคนอื่นเป็นแบบอย่างอยู่ตลอดชีวิต

ความชื่นชอบในตัวคนบางคน มีส่วนช่วยพยุงชีวิตประจำวันของเราได้ในบางรายละเอียด
ในขณะเดียวกันกับบางคน เรารู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเป็นอย่างพวกเขาได้
แต่กระนั้น พวกเขาก็ทำให้เรามีความสุข กับการฝันเฟื่องอยู่ในโลกจินตนาการ
ซึ่งถือเป็นสัดส่วนของการมีชีวิตที่สำคัญไม่แพ้ความเป็นจริง"

: ส่วนหนึ่งจาก คำนำผู้เขียน / กระทบไหล่เขา / ปราบดา หยุ่น / 19 จินตนาการผ่านบุคคลสำคัญ

เป็นหนังสือที่อ่านสนุกไปด้วยภาษาจัดจ้าน ตรงไปตรงมาตามประสาปราบดา
ชอบตรงการเอาตัวเองเข้าไปเดินเรื่อง ปะปนเกี่ยวข้องกับคนสำคัญ ที่อยากจะเล่าถึง
โดยไม่ต้องสนความเป็นจริง เพื่อทำให้เรารู้ประวัติคร่าว ๆ บุคลิกนิสัยเด่น ๆ ของแต่ละคน
ในแวดวง ศิลปะ นักแต่งเพลง นักเขียน  สาย emotional  ทั้งหลาย

หมายเหตุจากฉัน :

ชีวิตมันสนุกตรง เราได้เรียนรู้ผ่านกันและกัน ไม่ว่าเราจะรู้จักกันหรือไม่ก็ตาม

และ

เมื่อวัยหนึ่งมาถึง เราก็ควรเผยด้าน 
อ่อนแอ ล้มเหลว ผิดพลาด ให้โลกได้เห็น
เผื่อเป็นการทุ่นเวลาการใช้ชีวิตของคนอื่น

ขอบคุณทุกคน ทุกแรงบันดาลใจในโลกนี้ ที่ทำให้ยังรู้สึกมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ


Wednesday 21 November 2012

แปลกใจในความฝัน





ถ้าความฝัน คือการทบทวน จัดระเบียบข้อมูลใส่สมองไปสู่ระบบลิ้นชักความทรงจำ
ผ่านวิธีการที่แปลกประหลาด ด้วยการฉายเป็นหนังสั้น ๆ ให้ตัวเราเองได้เห็น
แบบที่สมองฟุ้งบทเดินเรื่องเอาเอง ไร้การควบคุม อย่างที่เราเรียกมันว่าจิตใต้สำนึก
หนังสั้น ๆ ที่มีทั้งเป็นเรื่องเป็นราวต่อเนื่อง  กระโดดไปกระโดดมา สมเหตุสมผล
หรือเหนือจริงเว่อร์  ปะปนไปด้วยสถานที่เดิม ๆ สถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน
มีทั้งคนแปลกหน้า คนรู้จักมารวมแสดง  มีทั้งเรื่องกังวลในอดีตโพ้น  เรื่องกังวลใหม่ ๆ
เรื่องสุดเซอร์ไพรส์ที่อยากให้เกิดขึ้นมานานปี  ไปจนกระทั่ง ฝันถึงตัวละครหลังข่าว
หรือภาพสุดท้ายก่อนปิดเปลือกตา

สมองจะตัดสินใจเลือกเองแบบอัตโนมัติ ว่าอันไหนจำเป็น สำคัญ ต้องเก็บเข้าสมองส่วนลึก
อันไหนไร้สาระ ขี้หมูขี้หมา สามารถลืมทิ้งได้ในพรุ่งนี้   ซึ่งเกณฑ์มาตราฐานของแต่ละคน
ก็คงมาจากสามัญสำนึก ความมีสติ สมาธิ ความฉลาด  ความสามารถเฉพาะบุคคล
หรือความกังวล ณ ปัจจุบัน

แม้แต่ขั้นตอนการจะจำ ที่จะต้องผ่านระบบความฝันของแต่ละคืน
บางคนก็จำได้ บางคนก็จำไม่ได้ แล้วบอกว่าตัวเองไม่ฝัน  จริง ๆ แล้ว เราฝันกันทุกคน ทุกคืน

จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครออกมาบอกกันได้ชัด ๆ กระจ่างแจ้ง เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าทำไมเราถึงฝัน
ฝันเป็นกลไกมหัศจรรย์ของร่างกายมาก ๆ  ซึ่งก็มหัศจรรย์พอ ๆ กับทุกอย่างนั่นแหล่ะ
ตั้งแต่การย่อยอาหาร ดูดซึมเอาประโยชน์ไปใช้  เหลือกากทิ้งไป  หรือระบบความคิด ฝันกลางวัน

โดยส่วนตัว ฉันชอบที่มนุษย์มีปรากฏการณ์ฝัน  หลังเวลาพักผ่อน  ตอนที่เราเข้านอนไปแล้ว
แต่ละคืนไม่รู้ว่า สมองจะจัดฉายภาพยนตร์แบบไหนให้ได้ชมกัน  จะตื่นเต้นเร้าใจ
จะได้ไอเดียทำงานใหม่ ๆ ได้คำตอบของปัญหาที่คิดไม่ออกตอนกลางวัน
 หรือได้พบใครที่แสนอบอุ่น

แต่ที่สมองจัดฉายซ้ำรอบบ่อย ๆ แบบเบื่อ ๆ มักเป็นเรื่องกังวลเก่า ๆ
ไปโรงเรียนไม่ทัน ขับรถเจออุบัติเหตุ กลัวการเจอญาติคนโน้นคนนี้
ไม่รู้ว่ามันเป็นเศษความทรงจำ ที่ตกค้างในร่องสมอง จากระบบที่ขัดข้อง
หรือมันเป็นความกังวลถาวร ที่เกิดจาการกังวลซ้ำ ๆ จนเราไม่อาจลืมเลือนกันแน่

ความฝันยังแปลค่าได้ในทางจิตเวช  ตัวเลข  ลางบอกเหตุ 

ถึงความฝันกลางคืนมันจะเป็นเหตุการณ์ปลอม ๆ  แต่บางความฝันมันก็ก่อให้เกิดความรู้สึกแรง ๆ
รู้สึกเหมือนไปสัมผัสมาจริง ๆ  กลัวจริง อายจริง  อบอุ่นจริง  ค้างอยู่เป็นวัน ๆ

ซักวันหนึ่งข้างหน้า อาจจะมีใคนซักคนออกมาบอกว่า  การที่ร่างการต้องฝัน
เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร  จะฝันดี หรือฝันร้าย  เราก็แค่  อิ่มไป  หรือ หิวไป  ก็เท่านั้น

Monday 19 November 2012

look at the sky

พักตา
พักใจ
มองฟ้า
มองต้นไม้
มองไกล ๆ
ให้พ้นจากตัวเอง




สงบอยู่ในโลกเอ็ดตะโร/ Peacefully in noise

เสียงแมวเคาะหางซ้ำ ๆ  อย่างกับเครื่องนับจังหวะของนักดนตรี
เสียงกึกกักของพัดลมที่ไม่เข้าที่ เมื่อวนมาถึงองศาที่ติดขัดสม่ำเสมอ
เสียงพูดคุยเล็ก ๆ ห่าง ๆ เหมือนกำลังฟังการสนทนาของพวกเสมิฟที่ไม่อาจเข้าใจ
เสียงหวีดมอเตอร์น้ำทำงาน เสียงเครื่องตัดผม กำลังจัดทรงให้หญ้าใหม่
เสียงรถราเคลื่อนที่ไกล ๆ  เสียงขาย เชิญชวนซื้อ ของรถเร่ ที่มาตรงเวลาทุกวัน

เสียงนกหลายพันธ์ ทั้งกาเหว่า กางเขน กระจิบ กระจอก
กระจาบ นกพิราบ นกเขา ร้องดังเป็นมิติอยู่รอบทิศทาง
เสียงระนาดของทางมะพร้าว จากฝีเท้ากระรอกกระแต ที่ไต่ไปเร็ว ๆ
เสียงแมลงแหลมเล็กเสียดไปตามอากาศ
เสียงตะปาด กบ เขียด อึ่ง ทั้งหลาย ต้องรอฝนก่อนซินะ

เสียงหยดน้ำ ที่ถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดให้ไหลลง
เสียงลม ช่วยเล็มเก็บใบไม้เก่า จากต้นแก่
ถ้าตั้งใจฟังอีกหน่อย จะได้ยินเสียงงอกใหม่ของพืชพรรณ
เสียงกาลเวลาขัดกร่อนก้อนหิน
เสียงแดดชโลมลูบโอบขัดผิวผนัง

ในวันที่เงียบที่สุด ไม่มีเสียงทีวี ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีเสียงบำรุงบำเรอ จากเครื่องดิจิตอลไหน ๆ
โลกก็ไม่เคยเงียบ  โลกมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยสรรพเสียง หรี่เสียงเมืองที่แสบหู
แล้วเอียงหูฟัง เสียงเย็น ๆ เบา ๆ  เหล่านี้ดูซิ







Sunday 18 November 2012

bag heart made


บอกกับเพื่อนไว้ว่าจะเย็บกระเป๋าให้ และกระเป๋านั้น ต้องเป็นกระเป๋า recycle
ใช่แล้ว ชิ้นผ้าทั้งหมดมาจากอาภรณ์ที่ดิฉันเคยสวมใส่
ไม่ว่าเพื่อนจะรังเกียจหรือไม่...เราก็ไม่สน
ในวาระดิถีวันขึ้นอายุใหม่ของเพื่อน เธอจึงได้รับสิ่งนี้เป็นของขวัญ

ด้านเวิ่นเว้อ เป็นสัญลักษณ์ผู้หญิง 3 คน เราเป็นใบไม้ เป็นร่มเย็น
เป็นสีเขียวให้กันและกันมาตลอด
ถึงแม้เราจะมีช่วงเวลาห่างกันบ้าง ติดกันบ้าง
ในทั้งหมดของชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยเรียน
แต่เราต่างก็หยั่งรากแก้วสู่ชีวิตกันและกัน จากนี้ไป ก็คงมีแต่ความตาย
ที่จะทำให้ใครคนใดคนหนึ่งหายไปก่อน

ด้านชีวิตปกติ สำหรับเพื่อนผู้มีชีวิตปกติ ไม่ได้เพ้อเจ้อ เพ้อฝัน
แน่หล่ะ การเติบโตไปคนละด้าน ทำให้เราแตกต่าง
และห่างออกจากกันในเรื่องความฝัน และ lifestyle
แต่ในความเป็นเพื่อน มันก็มีเหลี่ยมมุมบางมุม ที่ยังคงอยู่ ที่จะทำให้ต่อกันติดเสมอ


ซับใน ก็ยังกลายเป็นอีก version ของกระเป๋า แก้เบื่อ


ในการเย็บมือ วิธีเย็บสายกระเป๋าแบบนี้ เพื่อนคิดว่า มันคงจะแข็งแรงพอ


อุ๊บ !  อุบัติเหตุเล็ก ๆ  กรรไกรไปโดนตัวกระเป๋า เราเลยจัดเป็นช่องปีรามิด ให้แมวอียิปต์ไว้ซ่อนตัว :)

Sunday 11 November 2012

Cat clock


คนเลี้ยงแมว ไม่เคยได้นอนตื่นสาย 

Cat's owners wake up early morning always.

Thursday 8 November 2012

Cats no Botox



Cats can become a little child.  
Without the injection of Botox. At the time it was played.
แมวสามารถทำหน้าเด็กได้เลย โดยไม่ต้องฉีดโบท็อกซ์ ก็ด้วยการเล่น

Wednesday 7 November 2012

ความจริง / Truth

 อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ/ Assumption Cathedral ,Bangkok


 
What everyone thinks is the truth.
Everyone has a personal truth.
Truth is not universal.

สิ่งที่ทุกคนคิดคือความจริง
ทุกคนต่างก็มีความจริงเป็นของส่วนตัว
ความจริง ไม่เป็นสากล

Tuesday 6 November 2012

Glasses Case : Aon & Atom

Make to order


Thursday 1 November 2012

ดีเอ็นเอ


"ว่ากันว่า หากจับต้องสิ่งของใดนานเกิน 15 วินาที
สิ่งของนั้น จะมีตัวตนของเรา ติดอยู่ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ใช่เพียงลายนิ้วมือ แต่เป็นดีเอ็นเอของเราเองที่ติดอยู่กับสิ่งนั้น
ดังนั้น ในช่วงเวลามหัศจรรย์ของจักรวาลนั้นเอง
ดีเอ็นเอของเขาจึงพร้อยไปทั่วร่างของผม
เช่นกันกับดีเอ็นเอของผมที่พร่างพรายไปทั่วร่างของเขา"



เที่ยวบินกลางคืน ~โตมร ศุขปรีชา
จากรวมเรื่องสั้นชุด "สามัคคีเพศ"

------------------------------------
ฉันก็แค่ชอบประโยคนี้

ถ้าใครยิ่งได้ใช้เวลากับใครมาก ๆ นาน ๆ
ตัวตนของกันและกันก็ต้องยิ่งฝังลึกซินะ
เกินกว่าน้ำยาทำความสะอาดของกาลเวลา
จะมาลบเลือนออกไปง่าย ๆ

เชกเช่นเรื่องที่ฉันกำลังอ่าน และ อิน อยู่ตอนนี้ ชีวิตของฟรีด้า คาโลห์
ถ้ามองจากสายตาคนภายนอก เราก็ไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าทำไม
เมื่อเธอเลิกราจากสามีจอมวายร้ายที่คอยทำร้ายจิตใจเธอไปแล้ว
ใยถึงต้องโคจรกลับไปหาเขาอีก...ดีเอ็นเอที่หลงตกค้างอยู่ที่ร่างของเธอนั่นเอง 
-----------------------------------
ภาคส่วนของฉันตอนนี้ ดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ เซลล์บางส่วน เลือดหลายเกล็ด
ถูกฝังซ้อนอยู่ในรอยของผ้า อยู่กับด้าย กับไหม อยู่กับปลายเข็มแหลมหลายเล่ม
หวังว่าฉันยังจะหมกมุ่น บูชา และเต็มใจสังเวยตัวตนอย่างเป็นสุขต่อไปอีกแสนนาน