Tuesday, 21 February 2012
Seed stitch no.2 : Choice /ทางเลือก
เธอเรียกตัวเองว่าจิ๋ว ไม่แน่ใจว่าเธอถึง 30 หรือยัง ถ้าจะถามฉัน
ฉันก็ว่าเธอออกไปในทางเก๋ ถ้าถามฝรั่ง ก็คงจะบอกได้ว่าเธอสวย
หน้าเธอออกไทย ๆ แต่งตัวแบบ ถ้าเมื่อซัก 10 ปีก่อน
คงเรียกได้ว่าเด็กแนว เสื้อยืดลายน่ารัก กางเกงทรงเลประยุกต์ พัน ๆ ผูก ๆ
ใส่เครื่องเงิน เทอร์คอยซ์ ผมมัดหลวม ๆ หน้าตาไม่ต้องแต่ง ปล่อยเซอร์ไป
ตอนที่เราก้าวเข้าไปในห้อง ลูกชายตัวน้อยของเธอ ก็ยกมือสวัสดี
จนฉันต้องเอ่ยว่า เป็นเด็กดีจัง เขาไหว้ทุกคนที่เข้ามาใหม่
โดยไม่ต้องสนว่ารู้จักมาก่อนหรือเปล่า ไม่ต้องคอยให้ผู้ใหญ่บอก
นับเป็นสิ่งดีที่น่าชื่นชม ก็ในเมื่อเด็กเล็กเด็กโต ณ ปี 2012 เป็นกันมากคือ
มารยาททางสังคมเสื่อมทราม อย่างที่ฉันต้องพูดแรง ๆ ทุกครั้งว่า
พวกพ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน (เดินชนจนกระเด็นยังขอโทษไม่เป็น)
ถ้าไม่มีเวลาปลูกจิตสำนึก ไม่มีเวลาสั่งสอน ก็ไม่รู้จะอยากมีลูกไปทำไม
ถ้าได้ย่ายายช่วยเลี้ยงก็ยังพอทน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นพี่เลี้ยง ที่แล้วแต่ดวง
เด็กคนไหนโตมาอย่างรอดปลอดภัย ได้ดี ก็นับเป็นบุญของเด็ก ของพ่อแม่
จิ๋ว มีลูกชาย 1 คนชื่อน้องภูมิ เธอเล่าว่า เธอเคยทำงานประจำ วุ่นวายอยู่ในสังคม
แล้วเธอก็ร้อนเป็นไฟไปตามกระบวนการ โครงสร้างของความกดดันต่าง ๆ นา ๆ
มีลูก ลูกก็พลอยเป็นเด็กอารมณ์ร้อนตามเธอ จนวันหนึ่งเธอก็รู้สึกว่า ไม่ได้แล้ว
จะปล่อยให้ชีวิตเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
เธอลาออกไปเป็นฟรีแลนซ์ ทำอีเว้นท์เกี่ยวกับเด็ก พออยู่พอกิน (คงต้องทำให้พอ)
ปักเสื้อส่งขายที่อัมพวา สิ่งที่รู้สึกว่าเธอกล้าหาญมาก ๆ คือเธอทำ home school
เธอสอนหนังสือลูกเอง ไม่ส่งเข้าโรงเรียน
เธอบอกว่าเธอไม่มีเงินค่าเทอมแพง ๆ ไว้ส่งลูกเรียนหรอก
แต่ฉันว่านั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะเธอยังพาลูกไปเที่ยวที่โน่นที่นี่
ไปเรียนรู้ชีวิตจริง ๆ ไปสัมผัสกับมือ เห็นกับตา
อย่างล่าสุดเธอพาลูกไปเวียดนาม ฉันว่า นั่นหล่ะ ค่าเทอมที่คุ้มค่ากว่า
เธอไม่เห็นว่า ใบปริญญาบัตรสำคัญอะไร เธอไม่เคยใช้มันทำอะไรได้เลย
พี่น้องเธอก็เหมือนกัน ที่ค้นพบตัวเองตั้งแต่อายุ 10 กว่า
แล้วก็เลยอยากให้ลูกเป็นแบบนั้นเหมือนกัน เหมือนญาติ ๆ ของเธอ
เติบโต ดำเนินชีวิตไปได้ ด้วยใจที่มีความสุขกว่า โดยไม่ต้องผ่านโรงเรียน
คนส่วนใหญ่มัวแต่เรียน ๆ บ้าเรียนวิชาการ ไปถึงปริญญาโท ปริญญาเอก
กว่าจะได้เรียนรู้วิชาชีวิต ก็เสียเวลาไปมาก สุดท้ายแล้วคนเราก็ต้อง
เลือกอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าเจอเร็วก็เก่งเร็ว นับเป็นแนวคิดที่น่าสนใจจริง ๆ
คงต้องเป็นคนประเภทนอกกรอบซักหน่อยมั้ง ถึงจะกล้าคิดแบบนี้ กล้าลงมือทำจริงได้
โดยไม่ต้องหวั่นว่า ลูกจะเติบโตมามีปัญหาสังคม แปลก แตกแยก แตกต่าง
จากคนรอบข้างหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นฉันเอง ก็คงต้องศึกษาข้อมูลกันเหนื่อยเชียวหล่ะ
ลูกชายของเธอ 5 ขวบ ถือกล้องคอมแพคติดตัว ถ่ายทุกอย่างตลอดเวลา
นั่นคงเป็นหนึ่งในวิชาชีวิตของเขา
จิ๋วปักผ้าเก่งอยู่แล้ว ดูจากสมุดปักผ้าของเธอ แค่มาเรียนเทคนิคเพิ่มเติม
ถิ่นฐานของเธออยู่ที่เชียงราย เธอมีแนวโน้มที่จะกลับไปอยู่ที่นั่น ทอผ้าด้วยมือ
เธอสะสมผ้ามาเป็นสิบ ๆ ปี กว่าจะได้มีเวลาทำงานผ้า
อีกหน่อย เราก็คงได้เห็น ผ้าทอสวย ๆ ลายปักเก๋ ๆ
แค่ฟังเรื่องของเธอแป๊บเดียว ฉันก็เคลิ้มทีเดียว
โชคดีจังที่ได้มารู้จักที่นี่ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่มีแนวคิดเป็นของตัวเอง
และต่างก็เป็นให้แรงบันดาลใจให้กันและกัน
ณ ชุมชน ผู้รักงานทำมือและแสวงหาชีวิตเนิบช้า
ที่นี่ยังสอนทำอาหารเพื่อสุขภาพ สอนทำขนมปังด้วยสองมือ
สอนจัดดอกไม้ สอนศิลปะเด็ก
สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนเก๋ ๆ ไม่ใช่แม่บ้านแม่เรือนเฉิ่มเชยแม้แต่น้อย
ยิ่งมาที่นี่มากครั้งเท่าไร ฉันก็ยิ่งเกลียดงานประจำมากขึ้นเท่านั้น .. เศร้าจัง
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment